ยาเลื่อนประจำเดือนเป็นยาที่ช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนตามกำหนด จึงอาจช่วยให้ประจำเดือนมาช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนประจำเดือนออกไปสักระยะหนึ่งเพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง ทั้งนี้ การใช้ ยาเลื่อนประจําเดือน ผลข้างเคียง ที่พบได้บ่อย เช่น ไม่สบายท้อง อารมณ์แปรปรวน เป็นสิว มีจุดเลือดออกกะปริบกะปรอย อารมณ์ทางเพศลดลง ปวดเต้านม คลื่นไส้ จึงควรใช้ยาเลื่อนประจำเดือนตามคำแนะนำของคุณหมอและเภสัชกรอย่างเคร่งครัด หากหยุดยาแล้วประจำเดือนไม่มาตามปกติ ไม่กลับมามีประจำเดือนภายใน 1 สัปดาห์ หรือเกิดผลข้างเคียงรุนแรงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-ovulation]
ยาเลื่อนประจำเดือน ทำงานอย่างไร
ยาเลื่อนประจำเดือนที่นิยมใช้ คือ ยานอร์เอทิสเทอโรน (Norethisterone) เป็นยาในกลุ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ทำงานโดยการหยุดการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูกในระหว่างรอบเดือน และส่งสัญญาณให้ฮอร์โมนภายในมดลูกเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอกจากช่องคลอดออกมาเป็นประจำเดือน นอกจากใช้ในการเลื่อนประจำเดือนแล้ว ยังนิยมใช้เพื่อรักษาโรคอื่น ๆ เช่น ภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea) ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) อีกด้วย
โดยทั่วไป ควรรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนนอร์เอทิสเทอโรน (ขนาด 5 มิลลิกรัม) ก่อนวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือนประมาณ 3 วัน โดยรับประทานยาวันละ 2 เม็ด (เช้า เย็น) หรือวันละ 3 เม็ด (เช้า กลางวัน เย็น) ไม่ควรรับประทานยานี้ติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ และประจำเดือนจะกลับมาหลังจากหยุดยาประมาณ 2-3 วัน
ทั้งนี้ ความล่าช้าของประจำเดือนและประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนของยานอร์เอทิสเทอโรนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ยาจะมีประสิทธิภาพในการเลื่อนประจำเดือนสูงสุดเมื่อใช้ในผู้ที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ และประสิทธิภาพของยาอาจลดลงเมื่อใช้ในผู้ที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ยาเลื่อนประจำเดือน ใช้คุมกำเนิดได้หรือไม่
ยาเลื่อนประจำเดือนอาจช่วยเลื่อนประจำเดือนได้ชั่วคราวเมื่อใช้อย่างถูกวิธี แต่ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดจึงไม่สามารถใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ หากผู้ที่ไม่ได้คุมกำเนิดหรือใช้การคุมกำเนิดแบบไม่ใช่ฮอร์โมน เช่น ห่วงอนามัยทองแดง ตัดสินใจใช้ยาเลื่อนประจำเดือน จำเป็นต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น การสวมถุงยางอนามัย ด้วย หากไม่ต้องการตั้งครรภ์
ใครบ้างไม่ควรใช้ยาเลื่อนประจำเดือน
ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาเลื่อนประจำเดือน อาจมีดังนี้
- ผู้ที่มีเนื้องอกในตับ ทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และตัวยาอาจสะสมอยู่ในตับได้
- ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม เพราะอาจไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้องอกหรือเชื้อมะเร็งได้
- ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดในระดับรุนแรง เพราะอาจทำให้เสี่ยงเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน
- ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากยาอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เพศหญิงมีอวัยวะเพศคล้ายเพศชายได้
- คุณแม่เพิ่งคลอดและคุณแม่ให้นมบุตร เนื่องจากยาอาจปนเปื้อนในน้ำนม ทำให้ทารกเสี่ยงพิการได้
- ผู้หญิงที่ใช้วิธีคุมกำเนิดแบบฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแปะคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดแบบฝัง
ยาเลื่อนประจําเดือน ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง
แม้ยาเลื่อนประจำเดือนจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เช่น ทำกิจกรรมทางน้ำ เล่นกีฬา แต่ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากใช้ยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยเกินไป โดยผลข้างเคียงของการใช้ยาเลื่อนประจำเดือนที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของรอบประจำเดือน อาจมีดังนี้
- ไม่สบายท้อง
- อารมณ์แปรปรวน
- เป็นสิว
- มีจุดเลือดออกกะปริบกะปรอย
- มีอารมณ์ทางเพศน้อยลง
- คัดตึงเต้านม
- คลื่นไส้
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการใช้ยาเลื่อนประจำเดือน จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีใช้ยาที่ถูกต้อง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจใช้ยาทุกครั้ง