มีตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศชาย อาจเกิดจากโรคเริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถเกิดได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง สำหรับเพศชาย นอกจากจะมีตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอาการอื่น ๆ ได้แก่ อาการเจ็บ คัน และแสบร้อน โดยเฉพาะเมื่อตุ่มพองแตก สามารถป้องกันได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาและบรรเทาอาการให้ทุเลาโดยเร็วที่สุด ส่วนใหญ่แล้วการรับประทานยาและทายาตามคุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัดจะช่วยควบคุมความรุนแรงของโรคและย่นระยะเวลาการเกิดโรคได้
[embed-health-tool-bmi]
มีตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศชาย เกิดจากอะไร
ตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศชาย อาจเกิดจากโรคเริม ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ซึ่งแพร่กระจายผ่านการสัมผัสผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อ การมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก และช่องปาก เป็นต้น เมื่อเป็นโรคเริมอาจทำให้ครั่นเนื้อครั่นตัว อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว จากนั้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ต่อมาจะเริ่มเกิดอาการคันและเกิดตุ่มใสที่อวัยวะเพศ นอกจากนี้ ผู้ชายยังอาจเกิดตุ่มเริมบริเวณก้น ต้นขา ทวารหนัก และท่อปัสสาวะด้วย อาการของโรคเริมจะรุนแรงที่สุดในการติดเชื้อครั้งแรก แต่โดยทั่วไปอาการสามารถหายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ โรคเริมไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกายต่อไป หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น มีไข้ ก็อาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
อาการของเริมที่อวัยวะเพศ
อาการของเริมที่อวัยวะเพศ อาจมีดังนี้
- เกิดตุ่มพองเล็ก ๆ หากแตกจะทิ้งรอยแดง
- เป็นแผลเปิดบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ต้นขา หรือก้น
- เกิดแผลพุพอง อาจมีเลือดออก
- รู้สึกแสบร้อนหรือคันบริเวณอวัยวะเพศ
- รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ
- ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศอาจลอกเป็นขุยและเกิดสะเก็ดเมื่อแผลหาย
มีตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศชาย วิธีรักษา
มีตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศชาย วิธีรักษา อาจมีดังนี้
- หากมีตุ่มใสขึ้นที่อวัยวะเพศครั้งแรก คุณหมออาจให้ยาต้านไวรัสและครีมทาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ ควรใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมอภายใน 5 วันนับตั้งแต่มีอาการ
- หากมีตุ่มใสขึ้นซ้ำ คุณหมออาจให้ยาต้านไวรัสที่อาจช่วยลดระยะการเกิดโรคให้เหลือเพียง 1-2 วัน หากเริ่มใช้ยาตั้งแต่มีอาการอยู่ในระยะเริ่มต้น
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคเริมเกิน 6 ครั้ง ใน 1 ปี อาจรับการรักษาด้วยการใช้ยาต้านไวรัสเป็นเวลา 6-12 เดือน
การป้องกันและดูแลโรคเริมที่อวัยวะเพศ
วิธีป้องกันและดูแลโรคเริมที่อวัยวะเพศ อาจทำได้ดังนี้
วิธีการป้องกันเริมที่อวัยวะเพศ
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก ทั้งนี้ เริมยังสามารถแพร่เชื้อได้หากถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุมบริเวณที่ติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก หากสงสัยว่าตัวเองหรือคู่นอนมีแผลพุพองหรือรู้สึกแสบคันที่อาจเป็นสัญญาณของโรคเริม
- ไม่ใช้เซ็กซ์ทอยหรือของเล่นผู้ใหญ่ร่วมกับผู้อื่น หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกันควรล้างให้สะอาดและสวมถุงยางอนามัยซ้อนไว้อีกชั้นหนึ่ง
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศ
- รักษาบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาดอยู่เสมอ อาจใช้น้ำเปล่าหรือน้ำเกลือทำความสะอาดอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น เพราะอาจระคายเคืองแผลหรือตุ่มใสที่บริเวณอวัยวะเพศ
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำแข็งถูหรือประคบที่ผิวหนังโดยตรงเพื่อลดอาการคัน หากต้องการประคบเย็น ควรห่อน้ำแข็งด้วยผ้าบางก่อน
- งดมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก จนกว่าแผลจะหายสนิท