backup og meta

ไฮเปอร์ไทรอยด์ ไทรอยด์ทำงานเกิน อาการ สาเหตุ การรักษา

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 24/09/2023

    ไฮเปอร์ไทรอยด์ ไทรอยด์ทำงานเกิน อาการ สาเหตุ การรักษา

    ไฮเปอร์ไทรอยด์ (Hyperthyroid) เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป และมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ในเลือดสูงเกินไป ส่งผลให้ร่างกายมีระบบการเผาผลาญมากเกินปกติ จนทำให้น้ำหนักลดลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งยังอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติได้ ผู้ที่มีภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานหนัก จนส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้

    ไฮเปอร์ไทรอยด์ คืออะไร 

    ไฮเปอร์ไทรอยด์ เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป โดยต่อมไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของลำคอ มีลักษณะคล้ายปีกผีเสื้อ มีหน้าที่สร้างฮอร์โมน ได้แก่ ไตรไอโอโดไทโรนีน (Triiodothyronine หรือ T3) ไทรอกซีน (Thyroxine หรือ T4) ต่อมไทรอยด์มีความสำคัญ คือ  ควบคุมการเผาผลาญในร่างกาย (Metabolism) และควบคุมการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ยังมีฮอร์โมนที่ควบคุมปริมาณแคลเซียมในเลือด ดังนั้น หากต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป อาจทำให้อัตราการเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายมากขึ้น และก่อให้เกิดอาการทางสุขภาพต่าง ๆ ตามมา

    อาการของไฮเปอร์ไทรอยด์

    ไฮเปอร์ไทรอยด์อาจมีอาการให้สังเกต ดังนี้ 

    • หัวใจเต้นเร็ว ไม่สม่ำเสมอ ใจสั่น 
    • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง
    • นอนไม่หลับ
    • อารมณ์แปรปรวน
    • รู้สึกประหม่า วิตกกังวล
    • ท้องเสีย ท้องร่วง 
    • เหงื่อออกง่าย
    • น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
    • ผมเปราะบางขาดง่าย ผมร่วง 
    • ผิวหนังบาง มีอาการคัน
    • ประจำเดือนมาผิดปกติ 
    • ต่อมไทรอยด์บริเวณลำคอบวม หรือโตขึ้น

    นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่มีภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ อาจไม่ปรากฏอาการของโรคที่ชัดเจน หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น เหงื่อออกง่าย หรือเหนื่อยง่ายขึ้นเมื่อทำกิจวัตรประจำวัน 

    สาเหตุของไฮเปอร์ไทรอยด์

    ปัจจัยการเกิดภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์อาจมีหลายสาเหตุ ดังนี้ 

    • โรคเกรฟส์ (Grave’s Disease) เป็นสาเหตุที่อาจพบได้บ่อย เป็นโรคภูมิต้านตนเองชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป 
    • ไอโอดีน การได้รับไอโอดีนมากเกินไป อาจส่งผลให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ซึ่งไอโอดีนอาจสามารถพบได้ในยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคหัวใจ รวมถึงการรับประทานอาหารทะเล หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสาหร่ายทะเลมากเกินไป 
    • รับประทานยาฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป อาจเกิดกับผู้ป่วยภาวะต่อมฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป และรับประทานยาฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป 
    • ก้อนที่ต่อมไทรอยด์ เป็นก้อนเนื้อที่เจริญเติบโตในต่อมไทรอยด์ อาจส่งผลให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้น ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ
    • ไทรอยด์อักเสบ มีการหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาในกระแสเลือดมากกว่าปกติ

    ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์

    ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดไฮเปอร์ไทรอยด์ เช่น 

    • อายุ และเพศ อาจพบได้บ่อยในผู้หญิงอายุ 60 ปีขึ้นไป 
    • กรรมพันธ์ุ ครอบครัวมีประวัติการมีภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ 
    • รับประทานอาหารที่มีไอโอดีนเป็นประจำ เช่น อาหารทะเล ปลาทะเล 
    • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
    • ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคโลหิตจาง เบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง
    • สูบบุหรี่ 

    ภาวะแทรกซ้อนของไฮเปอร์ไทรอยด์ 

    หากไม่ทำการรักษาภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพร่างกายได้ ดังนี้ 

    • ปัญหาสายตา พบได้ในผู้ป่วยโรคเกรฟส์ อาจส่งผลทำให้ตาไวต่อแสง ตาแห้ง เห็นภาพซ้อน ในบางกรณีอาจสูญเสียการมองเห็น  
    • ปัญหาการเจริญพันธ์ุ เช่น ภาวะมีบุตรยาก 
    • ปัญหาหัวใจ หากหัวใจเต้นผิดปกติอาจทำให้เกิดลิ่มเลือด หัวใจโต ภาวะหัวใจวาย 
    • ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ทำให้กระดูกบางลง และกลายเป็นโรคกระดูกพรุน 
    • ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักทารกแรกเกิดต่ำ แท้งบุตร 

    การวินิจฉัยไฮเปอร์ไทรอยด์ 

    การวินิจฉัยอาจทำได้หลายวิธี โดยคุณหมอจะสอบถามประวัติการรักษา และอาการต่าง ๆ รวมถึงอาจมีการทดสอบเพิ่มเติม เช่น 

    • ตรวจร่างกาย โดยเช็คบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น 
      • ตา เพื่อตรวจหาอาการตาแดง บวม ที่อาจเป็นสัญญาณของโรคเกรฟส์ 
      • มือ เพื่อดูว่ามีอาการมือสั่นหรือไม่ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเล็บ 
      • ผิว สัมผัสว่าผิวมีความแห้งหรือมีเหงื่อผิดปกติหรือไม่  
      • คอ สัมผัสบริเวณไทรอยด์ เพื่อดูว่าต่อมไทรอยด์โต มีลักษณะนุ่มผิดปกติหรือไม่ 
      • หัวใจ โดยใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจว่าหัวใจเต้นเร็วผิดปกติหรือไม่ 
    • ตรวจเลือด เป็นการเจาะเลือดเพื่อตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยวัดปริมาณของฮอร์โมนไทรอยด์ T3 และ T4 ในเลือด รวมถึงค่า TSH ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมใต้สมอง ทำหน้าที่กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมน T3 และ T4 หากต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไปเป็นภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ซึ่งผลการตรวจเลือดจะพบว่า T3 และ T4 สูงแต่ TSH  ต่ำ หากต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ ผลการตรวจเลือดจะพบว่า T3 และ T4 ต่ำแต่ TSH สูง
    • เอกซเรย์ ช่วยให้คุณหมอสามารถเห็นถึงการทำงานและความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ชัดขึ้น โดยอาจมีวิธีดังต่อไปนี้ 
      • การสแกนต่อมไทรอยด์ เป็นการตรวจโดยใช้กัมมันตภาพรังสีจำนวนเล็กน้อยในการสร้างภาพต่อมไทรอยด์ เพื่อให้เห็นถึงการทำงานของต่อมไทรอยด์
      • การตรวจอัลตราซาวด์ เป็นการใช้คลื่นความถี่สูง เพื่อดูขนาดของต่อมไทรอยด์ และดูว่ามีก้อนที่ต่อมไทรอยด์หรือไม่ 
      • การทดสอบการดูดซึมสารกัมมันตรังสีไอโอดีน โดยการกลืนไอโอดีนกัมมันตรังสีในรูปแบบของแคปซูลหรือของเหลว การดูดซึมไอโอดีนต่ำ อาจบ่งชี้ถึงภาวะไฮเปอร์ไทรอยด์ที่เกิดจากการอักเสบหรือการใช้ยาทดแทนฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป หากการดูดซึมไอโอดีนสูง อาจบ่งชี้ว่าเป็นโรคเกรฟส์ หรือก้อนที่ต่อมไทรอยด์ 

    วิธีรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์

    การรักษาไฮเปอร์ไทรอยด์มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ซึ่งวิธีการรักษาอาจมีดังนี้ 

    • การรับประทานยา เช่น 
      • ยาต้านไทรอยด์ เช่น เมไทมาโซล (Methimazole) โพรพิลไทโอยูราซิล (Propylthiouracil) ช่วยทำให้ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์น้อยลง อาจต้องกินยาเป็นเวลา 1-2 ปี นอกจากนี้ อาจมีอาการข้างเคียงในการแพ้ยา ทำให้เกิดผื่นคัน กดการสร้างเม็ดเลือดขาวอาจส่งผลให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น 
      • ยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol) อาจช่วยลดอาการต่าง ๆ เช่น อาการใจสั่น มือสั่น หัวใจเต้นเร็ว อาการวิตกกังวล อาจมีผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ
    • การบำบัดด้วยรังสีไอโอดีน โดยกลืนสารไอโอดีนกัมมันตรังสี ซึ่งจะทำให้เกิดการทำลายของเนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนได้ช้าลง นอกจากนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ต้องรับประทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนตลอดชีวิต เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนให้เป็นปกติ
    • การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ เมื่อไทรอยด์บางส่วนถูกผ่าตัดออก อาจทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนได้ช้าลง หรือไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้ จึงอาจต้องรับประทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ทดแทนตลอดชีวิต เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนให้เป็นปกติ 

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 24/09/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา