Kink หรือ คิงก์ เป็นการทำกิจกรรมทางเพศที่มีขอบเขตจินตนาการโลดโผนมากกว่าการเล้าโลมเพื่อให้เกิดอารมณ์และมีเพศสัมพันธ์แบบทั่วไป ทั้งยังอาจช่วยเติมเต็มความรู้สึกเร่าร้อนทางเพศระหว่างคู่รักที่มีรสนิยมตรงกันให้สมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วย การศึกษาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศและทำความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง ช่วยให้ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศที่หลากหลายและแตกต่างไปจากบรรทัดฐานของสังคมยอมรับตัวเองและมีความสุขกับตัวตน ในขณะเดียวกันก็จะช่วยให้คนในสังคมตระหนักและเข้าใจในเรื่องนี้ได้มากขึ้นไม่ก่อให้เกิดการล้อเลียนจนนำไปสู่ความอับอาย
[embed-health-tool-bmi]
Kink คืออะไร
Kink เป็นรสนิยมทางเพศและเป็นกิจกรรมปลุกเร้าอารมณ์ที่อยู่นอกขอบเขตของบรรทัดฐานทางสังคม มักมีลักษณะแนวคิดที่เป็นจินตนาการโลดโผนและไม่เป็นจริง คู่รักจะสวมบทบาทสมมติขณะทำกิจกรรมทางเพศเพื่อเติมเต็มความปรารถนาทางเพศของกันและกัน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยินยอมของผู้กระทำกิจกรรมทางเพศทั้ง 2 ฝ่าย โดย คิงก์จะต่างไปจาก Fetish หรือ เฟติช ตรงที่ คิงก์จะเป็นรสนิยมในกิจกรรมทางเพศ (Sexual preference) ที่แตกต่างไปจากปกติ ในขณะ Fetish คือ ความต้องการทางเพศ (Sexual need) จากการใช้วัตถุหรือส่วนของร่างกายในกิจกรรมทางเพศ ซึ่งบางครั้งการมี Fetish อาจกระทบต่อการใช้ชีวิตตามปกติและต้องรับการรักษาจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ลักษณะ Kink ที่พบได้บ่อย
ลักษณะที่พบได้บ่อยคือรสนิยมทางเพศแบบบีดีเอสเอ็ม หรือ BDSM ที่อาจแบ่งออกได้เป็น 6 ลักษณะ
- B ย่อมาจาก Bondage คือ พันธนาการ เป็นการจำกัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหวของคู่นอน เช่น การใช้เชือก กุญแจมือ โซ่ ผ้าปิดปาก จิกผม หรือใช้เครื่องพันธนาการอื่น ๆ ตามความชอบส่วนตัว
- D ย่อมาจาก Discipline คือ การตั้งกฎระเบียบและการลงโทษ คู่ที่มีรสนิยมตรงกันจะกำหนดกฎต่าง ๆ และบทลงโทษที่ใช้ร่วมกัน เพื่อให้ฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่า (Dom) ใช้ในการควบคุมฝ่ายที่ยินยอมให้กระทำด้วยความเต็มใจ (Sub)
- S ย่อมาจาก Sadism คือ การมีความรู้สึกสุขสมจากการทำร้ายผู้อื่นขณะทำกิจกรรมบนเตียง เช่น บีบคอ ตบหน้า กัดให้เป็นรอยแผลตามร่างกาย ลนด้วยเทียน ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า
- M ย่อมาจาก Masochism คือ การมีความสุขจากการถูกทำให้เจ็บปวดในขณะทำกิจกรรมบนเตียง
- การปกครอง (Dominance) เป็นการแสดงอำนาจเหนือกว่าคู่ของตัวเอง ไม่ว่าจะในขณะที่มีเพศสัมพันธ์หรือนอกห้องนอน
- การยอมจำนน (Submission) เป็นการแสดงท่าทีที่ยินยอมอยู่ใต้อำนาจของคู่ของตัวเองและยอมให้ควบคุมการกระทำต่าง ๆ ไม่ว่าจะในขณะที่มีเพศสัมพันธ์หรือนอกห้องนอน
ทั้งนี้ กิจกรรมทางเพศแบบ Kinky อาจไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่ากับผู้ที่ยินยอมเสมอไป อาจเป็นรสนิยมส่วนตัวที่ทำให้รู้สึกตื่นตัวทางเพศมากกว่าการเล้าโลมและเพศสัมพันธ์แบบทั่วไป เช่น
- ซอมโนฟีเลีย (Somnophilia หรือ Sleeping Beauty Syndrome) บางคนจะรู้สึกเร้าอารมณ์เมื่อเห็นคนรักตอนนอนหลับมากกว่าปกติ และปรารถนาที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่หลับอยู่
- คลิสมาฟีเลีย (Klismaphilia) การถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ที่เร่าร้อนหรือมีความสนใจทางเพศในการป้อนของเหลวเข้าไปในทวารหนัก (สวนทวารหนัก)
- อะคาโรฟีเลีย (Acarophilia) เป็นความสุขทางเพศที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ทิ้งรอยขีดข่วนไว้บนร่างกาย
- เพรซคิงก์ (Praise kink หรือ Affirmation play) เป็นการกิจกรรมทางเพศที่ผู้มีอำนาจเหนือกว่าจะพูดชื่นชมเป็นการให้รางวัลกับฝ่ายที่ยินยอม เช่น เด็กดี กู้ดเกิร์ล
ความสำคัญของการยินยอมขณะทำกิจกรรมทางเพศ
การยินยอม (Consent) ในขณะที่มีการทำกิจกรรมทางเพศเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้ร่วมกิจกรรมทางเพศควรรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย และทำกิจกรรมด้วยความยินยอมพร้อมใจทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะการทำกิจกรรมทางเพศแบบ Kinky ที่มีลักษณะที่แตกต่างและแหวกแนวไปจากปกติ ควรกำหนดข้อตกลงร่วมกันอย่างชัดเจน และพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ต่างฝ่ายรู้สึกดี ได้รับการปฏิบัติที่ตรงตามความต้องการ และรู้สึกปลอดภัยขณะทำกิจกรรมทางเพศร่วมกัน อาจใช้วิธีกำหนดคำปลอดภัย (Safe words) ที่เป็นรหัสที่แสดงให้คู่รักทราบว่าขอบเขตของการทำกิจกรรมอยู่ที่ตรงไหน หากผู้ที่มีอำนาจน้อยกว่าใช้คำปลอดภัย แสดงว่าต้องหยุดกิจกรรมโดยทันที ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ฝ่ายยินยอมทนความเจ็บปวดไม่ไหวหรือหายใจไม่ออก คำปลอดภัยที่นิยมใช้ในกิจกรรมทางเพศแบบ BDSM เช่น แดง ที่แปลว่าให้หยุดทันที แทนการใช้คำว่า ไม่ หยุด อย่า
นอกจากนี้ ทุกคนยังควรตระหนักว่า คิงก์เป็นเพียงรสนิยมทางเพศหรือความชอบส่วนบุคคลที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น หรือไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศต่อบุคคลที่ไม่ยินยอม ที่สำคัญ คนในสังคมควรระมัดระวังที่จะไม่ Kink shaming หรือการล้อเลียนรสนิยมทางเพศจนก่อให้เกิดความอับอายในตัวตนของตัวเองและอาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเองได้ในที่สุด