ขาหนีบดำ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยอาจมีสาเหตุจากพฤติกรรมการเสียดสีของผิวหนังภายนอก ฮอร์โมน การใช้ยาหรืออาหารเสริมบางชนิด ซึ่งขาหนีบดำสามารถรักษาได้ด้วยตนเอง แต่อาจต้องใช้เวลา เช่น การใช้สครับน้ำตาล เจลว่านหางจระเข้ หรือสามารถรักษาได้ด้วยยาที่ควรได้รับคำแนะนำจากคุณหมอก่อนใช้เสมอ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงตามมาได้
[embed-health-tool-bmi]
สาเหตุของขาหนีบดํา
ขาหนีบดำ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ความผิดปกติของฮอร์โมน มักเกิดในผู้ที่มีความผิดปกติ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ ไทรอยด์ทำงานน้อย หรือมีปัญหากับต่อมหมวกไต
- ยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น ไนอาซินขนาดสูง (High-dose niacin) ยาคุมกำเนิด เพรดนิโซน (Prednisone) และคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)
- มะเร็ง ขาหนีบดำอาจเกิดในผู้ที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือเมื่อเนื้องอกมะเร็งเริ่มเติบโตในอวัยวะภายใน เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ หรือตับ
- การเสียดสี อาจเกิดขึ้นจากการเสียดสีของผิวหนังบริเวณขาหนีบ หรือเสียดสีกับเสื้อผ้า ทำให้ผิวหนังบาง คัน และเปลี่ยนสีได้
- โรคบางชนิด เช่น โรคผิวหนังช้าง โรคเบาหวาน ผิวแห้ง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดปัญหาขาหนีบดำ มีดังนี้
- โรคอ้วน ยิ่งมีน้ำหนักตัวมากจะยิ่งเพิ่มแรงเสียดสีของผิวหนังบริเวณขาหนีบทำให้ขาหนีบดำได้
- ประวัติครอบครัว สีผิวอาจขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ รวมถึงโรคหนังช้างที่ทำให้ผิวหนังเป็นสีดำเช่นกัน
- การเสียดสี แรงเสียดสีจากเสื้อผ้าและผิวหนังบ่อยครั้งอาจเพิ่มโอกาสทำให้ขาหนีบดำได้
การรักษาขาหนีบดํา
การดูแลและลดอาการขาหนีบดำเบื้องต้นที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน มีดังนี้
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้หรือเจลว่านหางจระเข้ อาจช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิว เนื่องจากว่านหางจระเข้มีสารอะโลอิน (Aloin) กระตุ้นการรวมตัวของเมลานินทำให้ผิวสว่างขึ้น ช่วยปรับสภาพผิว และอาจช่วยลดรอยคล้ำบนผิวหนังได้ โดยการทาเจลว่านหางจระเข้บริเวณขาหนีบเป็นประจำทุกวัน โดยไม่ต้องล้างออก
มันฝรั่ง
การนำมันฝรั่งฝานมาถูบนผิวหนังอาจช่วยลดรอยคล้ำได้ เนื่องจาก เอนไซม์ในมันฝรั่งที่เรียกว่า แคทเธอปซิน ดี (Cathepsin D) อาจช่วยรักษาผิวหนังที่ได้รับบาดเจ็บ จากการเสียดสี หรือรอยดำช้ำที่ผิวหนัง โดยการนำมันฝรั่งมาหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นถูบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด อาจรักษาขาหนีบดำด้วยวิธีนี้ประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์
น้ำมันมะพร้าวและน้ำมะนาว
น้ำมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซีอาจมีส่วนช่วยรักษารอยดำ และน้ำมันมะพร้าวมีหน้าที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้กับผิว ผสมน้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะกับมะนาวครึ่งลูก จากนั้นถูกบริเวณขาหนีบ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ควรทำประมาณสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
สครับน้ำตาล
น้ำตาลมีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิว โดยการเอาน้ำตาลขัดบริเวณขาหนีบประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาจช่วยฟื้นฟูขาหนีบดำได้
สครับโยเกิร์ตข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตมีสารต้านอนุมูลอิสระโพลีฟีนอล (Polyphenol) สามารถใช้รักษากลากและผิวหนังอักเสบอื่น ๆ เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง นอกจากนี้ ยังเป็นสารขัดผิวที่อ่อนโยน นำข้าวโอ๊ตมาผสมกับโยเกิร์ตที่มีกรดแลคติก (Lactic acid) และเป็นแหล่งโพรไบโอติกส์ (Probiotics) อาจช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวได้
การรักษาด้วยยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรืออาจต้องได้รับใบสั่งยาจากคุณหมอ ได้แก่
ยาเฉพาะที่
เป็นยาทาในรูปแบบครีมและขี้ผึ้ง ช่วยให้สีผิวสว่างขึ้น สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเหล่านี้ได้ตามร้านขายยาหรือร้านค้าทั่วไป เช่น กรดเอลลาจิก (Ellagic Acid) ลิกนิน เปอร์ออกซิเดสเอนไซม์ (Lignin Peroxidase) ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ที่อยู่ในรูปแบบของวิตามินบี 3 และถั่วเหลือง
ไฮโดรควิโนน
ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) เป็นส่วนผสมที่ทำให้จุดด่างดำบนผิวหนังจางลง อาจต้องได้รับการควบคุมโดยคุณหมอ เนื่องจากหากใช้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
เรตินอยด์
มีส่วนช่วยลดรอยดำเนื่องจากมีส่วนผสมของวิตามินเอ และสารอื่น ๆ เช่น กรดเรติโนอิก (Retinoic acid) ช่วยควบคุมการเติบโตของเซลล์ผิวหนังและลดรอยดำ เป็นยาที่ต้องสั่งโดยคุณหมอ
เลเซอร์รักษา
การใช้เลเซอร์เป็นวิธีรักษาที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีโดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็น อาจทำให้มีอาการเจ็บปวดโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบาง จำเป็นที่ต้องขอคำแนะนำจากคุณหมอและควบคุมการรักษาด้วยคุณหมอ เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการฉีดสารปรับผิวให้ขาวขึ้น เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่เพียงพอว่าได้ผล และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การป้องกันขาหนีบดํา
ป้องกันปัญหาขาหนีบดำที่อาจเกิดขึ้น สามารถทำได้ดังนี้
- ทำความสะอาดบริเวณขาหนีบและขัดผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก
- สวมเสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ เพื่อป้องกันเหงื่อและการเสียดสีมากเกินไป
- ป้องกันการเสียดสีของผิวหนังด้วยการสวมกางเกงซับในขาสั้นใต้กระโปรงหรือชุดเดรส
- หลีกเลี่ยงการโกนหรือแว็กซ์บริเวณขาหนีบบ่อยเกินไปเพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ทาครีมให้ความชุ่มชื้นกับผิว และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันแสงแดด โดยเฉพาะเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ
หากลองวิธีรักษาขาหนีบดำที่บ้านแล้วยังไม่ได้ผล อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษากับคุณหมอ หรือหากขาหนีบดำมีสาเหตุมาจากภาวะสุขภาพบางประการ เช่น โรคอ้วน โรคผิวหนังช้าง โรคเบาหวน คุณหมออาจต้องวินิจฉัยและทำการรักษาโรคต้นเหตุอย่างเหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการขาหนีบดำ