ยาทาหูด สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป อาจมีทั้งรูปแบบเจล ครีมหรือขี้ผึ้ง ส่วนใหญ่เป็นยาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยละลายหูด ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้น เมื่อทาแล้วไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือแสบร้อน แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ในการรักษาถึงจะหายขาด อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาทาหูดตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสที่ตกค้างและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
[embed-health-tool-bmr]
ยาทาหูด มีอะไรบ้าง
ในบางครั้งหูดอาจสามารถหายได้เองภายใน 6 เดือน หรือภายใน 2-3 ปีโดยไม่ต้องรักษา แต่หากหูดไม่หายไปเองหรืออาจทำให้มีอาการไม่สบายตัว เช่น คัน เจ็บปวด แสบร้อน จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจำเป็นต้องใช้ ยารักษาหูด เพื่อช่วยบรรเทาอาการและทำให้หูดหายเร็วขึ้น
ยาทาหูดส่วนใหญ่อาจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ซึ่งมีทั้งรูปแบบเจล ครีมหรือขี้ผึ้ง โดยมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก กรดแลคติก (Lactic Acid) กรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic Acid หรือ TCA) กรดฟีนอล (phenol) และ 5-FU ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้นและละลายหูดออก และกลุ่มยาทาหูดบริเวณอวัยวะเพศ ได้แก่
- ทิงเจอร์โพโดฟิลลิน 25% (Tincture Podophyllin 25%) ใช้ทาบริเวณที่เป็นหูด จากนั้นใช้น้ำและสบู่ล้างยาออกหลังจากทายาประมาณ 4 ชั่วโมง โดยควรใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และควรได้รับการรักษาโดยแพทย์ผิวหนัง
- อิมิควิโมด 5% (Imiquimod 5%) ใช้ทาก่อนนอน ควรทาทิ้งไว้ประมาณ 6-10 ชั่วโมงแล้วล้างออก ทาวันเว้นวันสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ซึ่งอาจใช้ต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 16 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับอาการ โดยห้ามใช้ทาบริเวณปากมดลูก ภายในช่องคลอด และผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เพราะอาจส่งผลต่อทารกในครรภ์
การรักษาด้วยยาทาหูดอาจใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ แต่เป็นวิธีการรักษาที่สามารถทำได้เองที่บ้าน แต่ควรระวังไม่ให้ยาทาหูดโดนผิวหนังบริเวณรอบข้าง เพราะอาจทำให้ผิวหนังลอกหรือบางลงได้
การรักษาหูดด้วยวิธีอื่น ๆ
สำหรับหูดที่มีอาการรุนแรงและไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาทาหูด คุณหมออาจแนะนำวิธีการรักษาอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
- การจี้ด้วยความเย็น โดยใช้ไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็น –195.8 องศาเซลเซียส จี้บริเวณหูดเพื่อทำลายหูด ซึ่งอาจต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้งจึงจะหายขาด
- การจี้ด้วยไฟฟ้า เป็นการกำจัดหูดด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งได้ผลค่อนข้างดี แต่อาจสร้างความเจ็บปวดและอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
- เลเซอร์ ช่วยทำลายหลอดเลือดขนาดเล็กภายในหูด ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงหูดได้ อาจเหมาะสำหรับการรักษาหูดในบริเวณที่แคบ เช่น ซอกเล็บ
- การรักษาด้วยการผ่าตัด คุณหมออาจแนะนำในกรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ
การป้องกันการเกิดหูด
สำหรับวิธีการป้องกันการเกิดหูดบนผิวหนังอาจทำได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่เป็นหูด รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสหูดของผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและการเกิดซ้ำ
- ควรแยกของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัว หินที่ใช้ขัดหูด กรรไกรตัดเล็บที่ใช้ตัดหูดออกจากผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- ไม่ควรกัดเล็บ เนื่องจากหูดสามารถพัฒนาขึ้นได้จากผิวหนังที่เป็นแผลและอาจทำให้เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น