ยาม่วง (Gentian Violet) เป็นยาเฉพาะที่สำหรับใช้ภายนอก เพื่อใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียในปากหรือที่ผิวหนัง เช่น เชื้อราในช่องปาก โรคกลาก โรคน้ำกัดเท้า รวมทั้งใช้รักษาแผลขนาดเล็กหรือแผลถลอกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยาทุกครั้งเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
[embed-health-tool-bmi]
ยาม่วง คืออะไร
ยาม่วง คือ ยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่สำหรับใช้รักษาการติดเชื้อจากเชื้อราบางชนิดในปากหรือที่ผิวหนัง เช่น เชื้อราในช่องปาก โรคกลาก โรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงน้อย และใช้รักษาบาดแผลขนาดเล็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
วิธีใช้ยาม่วงและปริมาณที่เหมาะสม
ปริมาณการใช้ยาม่วงอาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและความแรงของยาม่วง จำนวนครั้งที่ต้องใช้ยา ช่วงเวลาและระยะเวลาที่ต้องใช้ยา จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ยาม่วงได้อย่างเหมาะสม
สำหรับผู้ที่ลืมใช้ยาตามช่วงเวลาที่คุณหมอสั่ง ให้ใช้ยาม่วงทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงช่วงเวลาถัดไปที่ต้องใช้ยา ให้ข้ามขนาดยาที่ลืมไปก่อนหน้าและปฏิบัติตามตารางการใช้ตามปกติ
วิธีใช้ยาม่วงให้เหมาะสมกับการรักษาอาจทำได้ ดังนี้
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยสบู่และน้ำเปล่าก่อนใช้ยาม่วง รวมถึงล้างบริเวณแผลให้สะอาดและซับให้แห้งทุกครั้งก่อนใช้ยา
- ใช้สำลีหรือคอตตอนบัดจุ่มยาม่วงในปริมาณที่เพียงพอกับแผลที่ต้องการรักษา และควรหลีกเลี่ยงการกลืนยา เว้นแต่คุณหมอจะแนะนำให้ใช้กับบริเวณช่องปาก แต่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ยาเข้าสู่ร่างกายหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อป้องกันอันตรายจากยา
- หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าปิดแผล เพราะอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังได้
- ควรใช้ยาม่วงอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาที่คุณหมอกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว เพื่อฆ่าเชื้อที่อาจหลงเหลืออยู่
- เข้าพบคุณหมอทันทีหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันหลังจากใช้ยา หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น
ผลข้างเคียงในการใช้ยาม่วง
การใช้ยาม่วงในบางคนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม มีหนอง ผิวระคายเคือง รู้สึกร้อน ซึ่งหากอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือมีแผลที่ผิวหนังเกิดขึ้นหลังใช้ยา ควรหยุดใช้ทันทีและเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจอาการ
การใช้ยาม่วงกับแผลในบริเวณที่เป็นรอยพับของผิวหนัง เช่น ระหว่างนิ้ว ใต้ราวนม ข้อพับ อาจมีแนวโน้มที่แผลจะมีอาการรุนแรงขึ้นเนื่องจากความอับชื้น จึงควรซับบริเวณแผลให้แห้งสนิทก่อนเสมอเพื่อป้องกันความอับชื้นที่อาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค
ข้อควรระวังในการใช้ยาม่วง
ข้อควรระวังบางประการในการใช้ยาม่วงเพื่อป้องกันผลกระทบต่อผิวหนัง อาจมีดังนี้
- ก่อนใช้ยาม่วงควรแจ้งให้คุณหมอทราบถึงการแพ้ยา แพ้ส่วนผสมในยาหรือแพ้สีย้อม เนื่องจากยาม่วงอาจมีส่วนผสมบางอย่างที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
- ยาม่วงมีสีที่เปื้อนผิวหนังและเสื้อผ้าได้ จึงควรทายาอย่างระมัดระวังและควรรอให้ยาแห้งสนิทเสียก่อน เพื่อป้องกันการเปื้อนเสื้อผ้า
- การใช้ยาม่วงที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้ผิวหนังคล้ำดำ เป็นแผลบริเวณรอยพับ และเนื้อเยื่อตาย ดังนั้น จึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
บางคนอาจมีอาการแพ้หลังจากใช้ยาม่วง จึงควรรีบเข้าพบคุณหมอหากมีอาการต่อไปนี้