ขาลาย หรือขาแตกลาย เป็นหนึ่งในปัญหาทางผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ตั้งครรภ์ ลดน้ำหนักกะทันหันจนเกิดเนื้อส่วนเกิน และมีรอยแตกลายเนื่องจากผิวหนังขยายตัวมาก ๆ ขาแตกลายอาจไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่อาจส่งผลทำให้วิตกกังวล ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น หรือชุดว่ายน้ำ ซึ่งรอยแตกที่ขามักจางลงแต่ไม่หายสนิท หากรักษาด้วย วิธีแก้ขาลาย หรือขาแตกลายเองแล้ว รอยยังไม่บรรเทาลง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรักษาตามขั้นตอน
สาเหตุการเกิดขาแตกลาย
ขาลายหรือขาแตกลายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ลดน้ำหนัก หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป อาจทำให้ผิวหนังยืด หรือหดไม่ทัน อาจส่งผลให้เกิดขาแตกลาย หรือเกิดผิวเปลือกส้มได้
- เพาะกาย อาจทำให้กล้ามเนื้อนูนขึ้น และทำให้เกิดขาแตกลาย
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังยืดไม่ทัน และอาจทำให้ขาแตกลายได้
- การใช้สเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์อาจทำให้การผลิตคอลลาเจนผิวหนังลดลง และสูญเสียความชุ่มชื้น ส่งผลให้ขาแตกลายได้
- ปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น คุชชิ่งซินโดรม (Cushing’s Syndrome) เกิดจากร่างกายมีฮอร์โมนคอลติซอล (Cortisol) มากเกินไป อาจทำให้เกิดการกินจุ กินบ่อย และส่งผลทำให้เกิดภาวะอ้วน ผิวหนังและกล้ามเนื้อยืด จนขาแตกลาย
วิธีแก้ขาลาย หรือขาแตกลาย
ขาลายหรือขาแตกลายอาจรักษาได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักเร็วเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังยืดไม่ทัน จนเกิดขาแตกลายได้
- ทาครีมและโลชั่น เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว โดยผลิตภัณฑ์ควรมีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoid) วิตามินอี กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็นต้น เนื่องจากสารเหล่านี้อาจช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังขึ้นมาใหม่ รวมถึงอาจช่วยลดเลือนริ้วรอย แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง ระคายเคือง
- บำบัดด้วยเลเซอร์ โดยการรักษาด้วยเลเซอร์มีหลายประเภท เช่น เลเซอร์เพาซ์ดายด์ (Pulsed Dye Laser) Fractional CO2 เป็นการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ไมโครเดอมาเบรชั่น (Microdermabrasion) เป็นการขัดผิดด้วยผลึกคริสตัลขนาดเล็ก เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหนังกำพร้าชั้นนอก และเผยให้เซลล์ผิวใหม่ ทั้งนี้ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังเท่านั้น
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันขาลาย
การป้องกันขาลายอาจทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ทาครีม โลชั่นเป็นประจำ เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อและผิวหนังกระชับ และไม่ควรเพิ่มน้ำหนักหรือลดน้ำหนักเร็วเกินไป
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อุดมด้วยโปรตีน สังกะสี และวิตามิน เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี ที่อาจช่วยสร้างคอลลาเจนที่ดีกับผิวหนัง
[embed-health-tool-heart-rate]