ฝี คือ ก้อนหรือตุ่มที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด แสบ บวม แดง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย รวมไปถึงบริเวณทวารหนักหรือตูด ฝีที่ตูด มักขึ้นบริเวณแก้มตูดหรือแก้มก้นและรอบรูทวารหนัก เกิดจากการอักเสบของต่อมเมือกในช่องทวารหนักและไส้ตรง โดยทั่วไป สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการเจาะระบายหนองออกหรือผ่าตัดนำฝีออก หากพบว่าเป็นฝีที่ตูด และมีอาการอักเสบรุนแรง หรือมีไข้ร่วมด้วย ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและรักษาให้หายด้วยวิธีที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด
[embed-health-tool-bmr]
ฝีคืออะไร
ฝี คือ ตุ่มหรือก้อนนูนที่ผิวหนัง มีสีตั้งแต่สีชมพูไปจนถึงสีแดงเข้ม ฝีอาจขยายใหญ่ขึ้นและเกิดการอักเสบ ส่งผลให้รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ข้างในฝีประกอบไปด้วยหนอง แบคทีเรีย และสิ่งสกปรก สามารถเกิดได้ทุกส่วนของร่างกายรวมไปถึงบริเวณทวารหนักหรือตูด
ประเภทของ ฝีที่ตูด
ฝีที่ตูด อาจแบ่งประเภทได้ดังนี้
- ฝีบริเวณทวารหนัก (Anal/perianal abscess) เป็นฝีที่เกิดขึ้นเมื่อต่อมเมือกบริเวณทวารหนักอักเสบ ทำให้เกิดหนองและสิ่งสกปรกสะสมจนกลายเป็นฝี
- ฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula) เป็นฝีเรื้อรังที่ส่วนใหญ่เกิดจากของเสียที่หมักหมมอยู่ในภายในทวารหนักอักเสบและอุดตันจนเกิดเป็นหนอง หนองที่สะสมอยู่จะแทรกไปอยู่ตามชั้นกล้ามเนื้อจนทำให้เกิดโพรงภายในทวารหนักซึ่งเชื่อมจากทวารหนักออกมาบริเวณผิวหนังด้านนอกใกล้กับรูทวารหนักและแก้มก้น เมื่อหนองปะทุออกมาที่ผิวหนังจะเกิดเป็นฝีคัณฑสูตร ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อบริเวณต่อมทวารหนักจากการเป็นฝีที่ตูดมาก่อน ฝีชนิดนี้จึงมีอาการรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากเป็นฝีที่เกิดซ้ำในตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ในบริเวณใกล้เคียง
อาการของฝีที่ตูด
อาการของฝีที่ตูด อาจแบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
- ฝีที่ตูดทั่วไป เป็นฝีที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า อาจมีอาการต่อไปนี้
-
- รู้สึกปวดตุบ ๆ อย่างต่อเนื่อง และจะเจ็บมากกว่าปกติขณะนั่ง
- ผิวหนังบริเวณทวารหนักมีอาการบวม แดง ตึง และระคายเคือง
- มีเลือด หนอง หรือของเหลวไหลออกมาจากฝี
- มีอาการท้องผูกหรือรู้สึกเจ็บขณะถ่ายอุจจาระ
- ฝีที่ตูดที่อยู่ใต้ผิวหนัง อาจทำให้มีไข้ หนาวสั่น ไม่สบายเนื้อสบายตัว บางครั้งอาจแค่มีไข้อย่างเดียว ซึ่งเป็นอาการแรกเริ่มที่อาจเป็นสัญญาณของภาวะผิดปกติของร่างกาย
ฝีที่ตูด เกิดจากอะไร
ฝีที่ตูดอาจเกิดจากสาเหตุดังนี้
- แผลปริที่ขอบทวารหนัก (Anal Fissure) รอยแผลที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุปากทวารหนักอาจติดเชื้อและทำให้เกิดอาการเจ็บหรือเลือดออกเมื่อขับถ่าย
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ต่อมทวารอุดตัน
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดฝีที่ตูด มีดังนี้
- โรคโครห์น (Crohn’s Disease)
- โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (Ulcerative colitis)
- โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis)
- โรคเบาหวาน
- โรคกระดูกอุ้งเชิงกรานอักเสบ
- การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- การใช้ยาบางชนิด เช่น เพรดนิโซโลน (Prednisolone)
การวินิจฉัยเมื่อเป็นฝีที่ตูด
คุณหมอมักวินิจฉัยอาการฝีที่ตูดด้วยการตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination) โดยคุณหมอจะสวมถุงมือที่เคลือบสารหล่อลื่นแล้วสอดนิ้วเข้าไปในทวารหนัก เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น พร้อมซักถามเกี่ยวกับระยะเวลาที่เป็นฝี ความเจ็บปวดบริเวณที่เป็นฝี หรืออาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น โดยอาจมีการเก็บตัวอย่างหนองจากฝีไปส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาชนิดของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฝี ซึ่งจะช่วยให้คุณหมอสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
หากมีฝีมากกว่า 1 จุดบนร่างกาย และเป็นซ้ำบ่อย ๆ คุณหมออาจจะขอตรวจเลือดเพื่อตรวจดูว่าเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้มีความเสี่ยงในการเกิดฝีที่ผิวหนังบริเวณอื่น ๆ สูง ในบางกรณีอาจต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อคัดกรองโรคอื่น ๆ บริเวณทวารหนัก เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคลำไส้อักเสบ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis) มะเร็งลำไส้ตรง (Rectal cancer)
การรักษาฝีที่ตูด ทำอย่างไรได้บ้าง
การรักษาฝีที่ตูด อาจทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
การกรีดและระบายหนองออก
หากฝีที่ตูดมีหนองคั่งอยู่ภายในและจำเป็นต้องกรีดออกก่อนฝีจะแตก คุณหมออาจจะใช้ยาชาเฉพาะที่ฉีดบริเวณผิวหนังและกรีดฝีเพื่อระบายหนองออก และทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ และน้ำเกลือปลอดเชื้อแล้วปิดด้วยผ้าพันแผล โดยไม่เย็บปิดแผล เพื่อให้สังเกตอาการได้สะดวก และระบายหนองที่เกิดขึ้นใหม่ได้ง่าย แต่หากฝีลึกมากคุณหมอจะยัดผ้าพันแผลไว้ที่บริเวณปากแผลเพื่อป้องกันแผลปิด สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีคุณหมออาจสั่งจ่ายยาแก้ปวดให้ใช้ แต่หากมีปัญหาสุขภาพบางกรณี เช่น โรคเบาหวาน ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ คุณหมออาจสั่งยาปฏิชีวนะให้เพิ่มเติม
การระบายหนองและของเหลวออกทางผิวหนัง
สำหรับฝีที่อยู่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง เช่น ฝีที่อวัยวะภายใน แต่พิจารณาแล้วว่าสามารถระบายผ่านผิวหนังโดยการเจาะได้ คุณหมออาจระบายหนองออกด้วยการใช้เข็มเจาะเข้าไปในผิวหนังเพื่อระบายหนองที่คั่งอยู่ภายใน เริ่มจากการหาตำแหน่งของฝีด้วยเครื่องอัลตราซาวด์หรือเครื่องซีทีสแกน ก่อนจะใช้เข็มเจาะผิวหนังแล้วสอดท่อพลาสติกบาง ๆ ที่เรียกว่าสายระบายของเหลวผ่านทางผิวหนัง (Catheter Drainage) เพื่อถ่ายหนองและของเหลวออกมานอกร่างกาย
การผ่าตัดนำฝีออก
ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีข้างต้นไม่ได้ เช่น ฝีใหญ่เกินไปจนใช้เข็มเจาะไม่ได้ เข็มไม่สามารถเจาะเข้าไปถึงชั้นผิวหนังบริเวณที่มีฝีได้อย่างปลอดภัยและไม่กระทบกับผิวหนังโดยรอบ รักษาด้วยการระบายหนองออกแล้วไม่สามารถนำฝีหนองออกได้หมด คุณหมออาจต้องรักษาฝีที่ตูดด้วยการผ่าตัดนำฝีออก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของฝีด้วย
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน ฝีที่ตูด
วิธีป้องกันและดูแลฝีที่ตูดและฝีตามร่างกาย อาจทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการบีบฝีเอง เพราะอาจทำให้แผลอักเสบมากขึ้น และแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังผิวหนังส่วนอื่นได้
- ควรรักษาฝีที่ตูดให้หายสนิทก่อน จึงไปใช้อุปกรณ์ส่วนกลางร่วมกับผู้อื่น เช่น เครื่องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ
- หลังใช้ทิชชู่เช็ดหนองออกจากฝี ควรทิ้งทิชชู่ใส่ถุงหรือห่อกระดาษอีกชั้นให้มิดชิดแล้วค่อยทิ้งถังขยะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย และควรล้างมือให้สะอาดหลังจากทิ้งทิชชู่แล้ว
- ระมัดระวังในการโกนขนบริเวณใบหน้า ขา บริเวณใต้วงแขน หรือบริเวบขอบชุดชั้นใน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังระคายเคือง หรือเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย และจะทำให้เกิดฝีตามมา