รอยดำจากสิว เป็นปัญหาผิวที่มักเกิดขึ้นหลังจากสิวหาย บางคนอาจเกิดรอยดำเพียงแค่ผิวชั้นนอกซึ่งอาจหายเองได้เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ แต่บางคนอาจมีรอยดำเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งยากต่อการรักษา หรืออาจกลายเป็นรอยถาวร ดังนั้น การรักษาสิวและรักษารอยดำจากสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยให้ลดปัญหารอยดำบนผิวได้
สาเหตุของรอยดำจากสิว
รอยดำจากสิวมักเกิดขึ้นบนผิวหนังหลังจากสิวหาย เนื่องจากหลังสิวหาย ผิวหนังผลิตเม็ดสีเมลานินในจุดเดียวมากเกินไป จึงอาจทำให้ผิวมีจุดสีดำ หรือจุดสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้มเกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ ในบางกรณี รอยดำจากสิวอาจเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังแท้ เป็นผิวหนังชั้นลึกและอาจทำให้เกิดรอยดำบนผิวหนังอย่างถาวร
รอยดำบางจุดอาจหายไปเองโดยไม่ต้องรักษา แต่อาจต้องใช้เวลานานประมาณ 6-12 เดือน กว่าจะหายเป็นปกติ โดยเฉพาะรอยสิวที่อยู่ลึกเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้อาจยิ่งรักษาได้ยากขึ้น หรือในบางคนอาจเป็นรอยดำถาวร
สาเหตุที่ผิวหนังผลิตเมลานินมากเกินไปอาจเป็นเพราะการอักเสบที่เกิดขึ้นบนผิวหนังและกระบวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ที่อาจกระตุ้นการผลิตเมลานินส่วนเกินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ อาจมีบางปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงเกิดรอยดำจากสิวได้ ดังนี้
- สิวอักเสบ ที่ทำให้ผิวมีอาการบวม แดง และเจ็บปวด สิวประเภทนี้จะแทรกซึมลึกเข้าไปในชั้นผิวหนังซึ่งอาจมีส่วนทำลายผิว ทำให้เกิดรอยดำจากสิวได้ นอกจากนี้ การไม่รักษาสิวอักเสบ และปล่อยให้มีสิวอักเสบเกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจเพิ่มโอกาสทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นเพิ่มขึ้น
- การบีบ เกา หรือกดสิว จะยิ่งเพิ่มการอักเสบของสิวมากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงเกิดแผลเป็นและรอยดำจากสิว
- กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวมีปัญหาเรื่องสิวและรอยแผลเป็น อาจมีโอกาสที่จะเกิดปัญหารอยดำจากสิวเพิ่มขึ้นได้
วิธีการดูแลปัญหารอยดำจากสิวด้วยตัวเอง
การดูแลผิวอย่างเป็นประจำและป้องกันการเกิดสิว อาจช่วยลดปัญหารอยดำจากสิวได้ ดังนี้
- รักษาสิวตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยลดปัญหารอยดำจากสิวและรอยแผลเป็นได้ เนื่องจากหากปล่อยสิวทิ้งไว้อาจยิ่งเพิ่มการอักเสบและเพิ่มโอกาสเกิดรอยหลังสิวหาย
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่คุณหมอแนะนำ และใช้ตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สิวหายเร็วและไม่ทิ้งรอย โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ เรตินอยด์ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) กรดซาลิไซลิก
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เนื่องจากอาจอุดตันรูขุมขนและก่อให้เกิดสิวอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางปกปิดรอยดำ เพราะเครื่องสำอางอาจก่อให้เกิดสิวใหม่ขึ้นได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในช่วงรักษาสิว และเลือกเครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองและอุดตัน เช่น ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือกลิ่นสังเคราะห์ ซิลิโคน แอลกอฮอล์
- ทำความสะอาดผิว ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน โดยใช้ปลายนิ้วถูวนเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และซับหน้าให้แห้ง นอกจากนี้ อาจขัดผิว เพื่อช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว แต่ไม่ควรขัดผิวบ่อยหรือรุนแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวเกิดรอยขีดขวนและอาจทำให้ผิวแห้งได้
การรักษารอยดำจากสิว
การรักษารอยดำจากสิว ควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งอาจสามารถทำได้ด้วยวิธี ดังต่อไปนี้
- ยารักษาสิว คุณหมออาจสั่งยาหรือแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบต่อไปนี้ ไฮโดรควิโนน 2% (2% hydroquinone) กรดอะซีลาอิก (Azelaic acid) กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) กรดโคจิก (Kojic acid) วิตามินซี เรตินอยด์ (Retinoids) ที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบของสิว ลดการก่อเชื้อแบคทีเรีย ช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวและช่วยลดรอยดำจากสิวได้
- การป้องกันแสงแดด ผู้ที่มีปัญหารอยดำจากสิวควรปกป้องผิวจากแสงแดด เนื่องจากแสงแดดมีส่วนทำให้ผิวเสื่อมสภาพและเพิ่มความรุนแรงของรอยดำ โดยควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเสมอ และควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน SPF30 ขึ้นไป
- การผลัดเซลล์ผิวหรือการลอกหน้าด้วยสารเคมี (Chemical peel) เป็นการใช้สารเคมีเพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุด และช่วยลดรอยดำที่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ เกิดอาการระคายเคือง แสบ ผิวแดง ตกสะเก็ด บวม
- การกรอผิว (Dermabrasion) สำหรับรักษารอยดำรุนแรง โดยคุณหมอจะใช้แปรงหมุนเพื่อขัดเอาผิวหนังชั้นนอกออก ผลข้างเคียงที่ร้ายแรง อาจเกิดรอยแผลเป็น ผิวระคายเคือง แดง บวม อักเสบจนเป็นสิว เป็นรอยดำ และติดเชื้อ