สิวที่ติ่งหู เป็นสิวที่เกิดบริเวณติ่งหู มักมีลักษณะเป็นตุ่มหนองหรือมีเลือดคั่ง เกิดจากการอุดตันของแบคทีเรีย สิวที่ติ่งหูอาจมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีก้อนเนื้อและซีสต์ หรืออักเสบมากกว่าสิวบริเวณอื่นทำให้รู้สึกเจ็บปวดและอาจรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
[embed-health-tool-bmi]
สาเหตุของ สิวที่ติ่งหู
สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ของผิวหนังที่รูขุมขนมีการหลั่งน้ำมันออกมา และหนึ่งนั้นรวมถึงบริเวณติ่งหูด้วยเช่นกัน โดยสิวมักเกิดขึ้นในบริเวณที่เซลล์ผิวหนังตาย มีความมัน และอาจมีเชื้อแบคทีเรียอุดตันรูขุมขน
โดย สิวที่ติ่งหู ไม่มีหัว เกิดขึ้นเมื่อหนังกำพร้าอาจมีตุ่มหนองหรือมีเลือดคั่ง และมีการอุดตันของแบคทีเรีย ส่งผลให้มีการทำลายผนังของรูขุมขน ทำให้สิวก่อตัวลึกภายในผิวหนังและมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีก้อนเนื้อและซีสต์ก่อตัวขึ้นเนื่องจากเกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรงในรูขุมขน ส่งผลทำให้เกิดก้อนเนื้อขนาดใหญ่ และลึกอยู่ในผิวหนัง อีกทั้งยังมีการอักเสบมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ สาเหตุการเกิดสิวที่ติ่งหู อาจถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยดังต่อไปนี้
- พันธุกรรม
- ช่วงอายุ ส่วนใหญ่พบในวัยรุ่นขึ้นไป
- มีปัญหาสิวเกิดขึ้นแบบเรื้อรัง
- การบาดเจ็บของผิวหนัง
อาการของสิวที่ติ่งหู
ส่วนใหญ่ สิวที่ติ่งหูมักมีอาการคล้าย ๆ กับสิวชนิดอื่น ดังนี้
- เป็นก้อนแข็งในติ่งหู
- มีอาการอักเสบ
- มีรอยบวมแดง
- รู้สึกเจ็บปวดที่ติ่งหู รู้สึกไม่สบายหู
- อาจมีหนอง มีกลิ่นเหม็นบริเวณติ่งหู
- ในบางรายอาจมีเพียงก้อนเนื้อแข็งแต่ไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย
การป้องกันสิวที่ติ่งหู
เพื่อป้องกันการเกิดสิวที่ติ่งหู สามารถปฏิบัติตัว ดังนี้
- ทำความสะอาดหู การทำความสะอาดหูด้วยการเช็ดโดยเฉพาะขณะอาบน้ำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จะช่วยป้องกันการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ความมัน และเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง
- สระผมเป็นประจำ หากไม่ได้สระผมอาจเกิดการสะสมของน้ำมันบนหนังศีรษะเมื่อผมโดนใบหน้าหรือติ่งหูอาจทำให้เกิดเป็นสิวในบริเวณนั้นได้
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการขัดผิว ใช้โทนเนอร์ หรือการใช้ยารักษาแผล ที่มีความรุนแรงเกินไป
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิว และไม่ก่อให้เกิดสิว
- ล้างเครื่องสำอางทุกครั้ง เครื่องสำอางอาจก่อให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งหน้าแต่ไม่ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้ง
- ทำความสะอาดหมวกและปลอกหมอน ในหมวกและปลอกหมอนอาจมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากมาย จึงควรทำความสะอาดอยู่เป็นประจำเพื่อไม่ให้เชื้อแบคทีเรียสะสม
- ระวังการใช้สเปรย์ฉีดผม สเปรย์ฉีดผมอาจเข้าไปอุดตันในรุขุมขนได้ จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง และป้องกันเวลาฉีดให้ห่างจากผิวหนังมากที่สุด
การรักษาสิวที่ติ่งหู
การรักษาสิวบริเวณติ่งหูขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว โดยวิธีรักษาสิวนั้นแยกออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
รักษาด้วยยา
ผู้ที่เป็นสิวสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวได้เองตามร้านค้า หรือร้านขายยาทั่วไป โดยอาจเลือกจากส่วนประกอบเหล่านี้
- เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) ช่วยลดการผลิตไขมันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้
- เรซอซินอล (Resorcinol) ช่วยสลายสิวหัวขาวและสิวหัวดำ
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ช่วยคลายรูขุมขนและลดอาการอักเสบ
- กำมะถัน (Sulfur) ช่วยล้างกำจัดรูขุมขนและฆ่าแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว
สำหรับสิวที่มีอาการรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรเข้ารับการรักษากับคุณหมอโดยตรง ซึ่งอาจได้รับการรักษาด้วยวิธีดังนี้
- การให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยลดจำนวนแบคทีเรียและการอักเสบได้
- เรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งช่วยทำความสะอาดรูขุมขน
- ขั้นตอนการกำจัดซีสต์ ด้วยการเอาน้ำหรือสิ่งสกปรกออก
- การฉีดสเตียรอยด์ เพื่อช่วยรักษาก้อนเนื้อและซีสต์
รักษาด้วยตัวเอง
การรักษาด้วยตัวเองที่บ้านอาจทำให้สิวที่ติ่งหู หายขาดได้ หรือมีขนาดเล็กลง โดยมีคำแนะนำดังนี้
- การประคบร้อน สามารถช่วยปิดรูขุมขนและระบายสิ่งสกปรกสะสมได้
- ใช้น้ำมันทีทรี (Tea tree oil) มีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อโรคและลดอาการอักเสบ
- ประคบน้ำแข็ง ความเย็นอาจช่วยลดอาการเจ็บปวดและอักเสบหลังการรักษาได้