สิวผดที่แก้ม มักเกิดจากผิวบริเวณแก้มสัมผัสกับแสงแดดและอากาศร้อน ทำให้เหงื่อออกเยอะ รูขุมขนและต่อมเหงื่ออุดตัน จนเกิดเป็นสิวผดที่แก้ม และอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อยีสต์ การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ การเสียดสีบริเวณใบหน้าจากหน้ากากอนามัย เส้นผม และปลอกหมอน ทั้งนี้ การดูแลผิวอย่างถูกวิธี เช่น หลีกเลี่ยงอากาศร้อนและสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้ผิวระคายเคือง ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดโดยเฉพาะหลังออกแดดหรือเหงื่อออกเยอะ เปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเลอะเหงื่อ อาจช่วยให้สิวผดที่แก้มหายได้ในเวลาไม่นาน และช่วยป้องกันการเกิดสิวชนิดนี้ได้ด้วย
[embed-health-tool-bmi]
สิวผดที่แก้ม เกิดจาก อะไร
สิวผด เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กที่ไม่มีหัวหนองหรือหัวสิวเหมือนสิวทั่วไป มักขึ้นเป็นหย่อม ๆ และทำให้ผิวบริเวณนั้นดูไม่เรียบเนียนเสมอกัน หากผิวอักเสบอาจทำให้มีตุ่มแดงที่ทำให้คันและระคายเคือง หรือเกิดเป็นตุ่มหนอง สิวผดเป็นภาวะทางผิวหนังที่พบได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะในคนที่ผิวบอบบางและแพ้ง่าย
สิวผดอาจเกิดจากการสัมผัสปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดสิว เช่น อากาศร้อนและแสงแดดที่ทำให้เหงื่อออกมาก สารก่อภูมิแพ้อย่างขนสัตว์ สารเคมี สิ่งสกปรก น้ำ หรือมลภาวะ ผิวเสียดสีกับวัตถุอย่างหน้ากากอนามัย ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในกลุ่มมาลาสซีเซีย (Malassezia species) ซึ่งเป็นเชื้อที่พบได้ทั่วไปบนผิวหนัง แต่หากเชื้อเจริญเติบโตมากผิดปกติจะทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวผดที่แก้ม รวมถึงผิวบริเวณอื่น ๆ เช่น หน้าผาก คาง แก้มทั้งสองข้าง แขน ขา ตามลำตัว โดยทั่วไป หากดูแลผิวอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงอากาศร้อนและสารก่อภูมิแพ้ จะช่วยให้สิวผดหายไปได้เองภายในเวลาไม่นาน
สิวผดที่แก้ม รักษาอย่างไร
สิวผดที่แก้ม อาจรักษาได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- การใช้ยากลุ่มวิตามินเอ เช่น ยาทากลุ่มวิตามินเออย่างเตรติโนอิน (Tretinoin) อาจช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และลดจำนวนและความรุนแรงของสิวผดที่แก้มได้
- การใช้ยารักษาสิว เช่น เบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ที่ออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว อาจช่วยลดจำนวนแบคทีเรีย ลดการสะสมของสิ่งสกปรก ช่วยให้ผิวแห้ง ไม่อุดตันจนเกิดสิวผด
- การใช้ยาฆ่าเชื้อรา เช่น คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) อาจช่วยรักษาสิวผดที่เกิดจากเชื้อยีสต์ได้
- การใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamine) อาจช่วยบรรเทาอาการคันที่เกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ได้
- การใช้ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) อาจช่วยบรรเทาอาการบวมและคันของสิวผดได้ ทั้งนี้ เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีและหญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งก่อนใช้ยา
- หลีกเลี่ยงสัมผัสและแกะเกาสิวผด เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง สิวหายช้ากว่าปกติ เกิดแผลเป็น และหากสิวผดเกิดจากการติดเชื้อ ก็อาจทำให้เชื้อลุกลามได้ด้วย
- ทาครีมกันแดด ผู้ที่มีสิวผดควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และไม่มีส่วนผสมที่อาจทำให้รูขุมขนและต่อมเหงื่ออุดตัน เช่น น้ำมัน น้ำหอม ซิลิโคน
- ประคบเย็น ด้วยผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาด อาจช่วยบรรเทาอาการคัน และลดการอักเสบของผิวหนังที่บวมแดงได้
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวผดที่แก้ม
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวผดที่แก้ม อาจทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพราะอาจทำให้รูขุมขนอุดตันและก่อให้เกิดสิวผดได้
- หากสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากชนิดอื่น ๆ ควรเปลี่ยนหน้ากากบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเหงื่อออกมาก
- ห้องนอนควรมีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนจนเกินไป อากาศถ่ายเทได้สะดวก และควรรักษาความสะอาดของผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนให้ดี ด้วยการนำไปซักเป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์
- ล้างหน้าให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายและทำกิจกรรมที่เหงื่อออกเยอะ และควรล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าให้สะอาดหมดจดทุกครั้งก่อนเข้านอน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น โคลนิดีน (Clonidine) เบตา บล็อกเกอร์ (Beta blocker) สารในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioids)