backup og meta

เจลลดรอยสิว ควรมีส่วนผสมอะไร และวิธีป้องกันรอยสิว

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 24/04/2023

    เจลลดรอยสิว ควรมีส่วนผสมอะไร และวิธีป้องกันรอยสิว

    การรักษารอยสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation) ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง เจลลดรอยสิว ที่มีส่วนประกอบ เช่น วิตามินซี กรดในกลุ่มของอัลฟาไฮดรอกซี กรดวิตามินเอ กรดอะซีลาอิก ไฮโดรควิโนน อาจช่วยให้รอยสิวจางลงได้ นอกจากนี้การใช้เจลลดรอยสิวที่แต้มทิ้งไว้บนผิวจะช่วยให้เนื้อเจลซึมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่าชนิดที่ทาแล้วล้างน้ำออก ทั้งนี้ ควรใช้เจลลดรอยสิวตั้งแต่สิวหายใหม่ ๆ และใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้รอยสิวจางลงได้เร็วกว่ารอยที่ทิ้งไว้เป็นเวลานาน

    รอยสิวเกิดจากอะไร

    การเป็นสิวอาจทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อในชั้นผิวถูกทำลาย โดยเฉพาะเมื่อเป็นสิวอักเสบ การอักเสบของผิวหนังในระหว่างการซ่อมแซมเซลล์ผิว อาจทำให้ผิวหนังผลิตเมลานินหรือเม็ดสีที่เข้มกว่าสีผิวปกติ  แม้สิวหายแล้วก็อาจทิ้งรอยสิวลักษณะเป็นรอยสีแดง หรือสีชมพู ไว้บนผิวหนัง  หากทิ้งไว้นานวันเข้า รอยสิวอาจเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือเป็นรอยดำ ซึ่งรักษาได้ยากขึ้น ยิ่งหากรอยสิวเผชิญปัจจัยภายนอก เช่น การสัมผัสแสงแดด ก็อาจทำให้รอยยิ่งชัดขึ้นและรักษาให้จางลงได้ยากขึ้นไปอีก

    เจลลดรอยสิว ควรมีส่วนผสมอะไร

    เจลลดรอยสิว ที่สามารถช่วยลดเลือนรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีส่วนผสมมีดังนี้

    • กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid)

    กรดแอสคอร์บิกเป็นวิตามินซีสังเคราะห์ มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อาจช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่เสียหาย สมานผิวที่เป็นแผลจากสิว และลดการเกิดรอยแผลและการสร้างเมลานินของเซลล์ผิว จึงอาจช่วยให้รอยสิวดูจางลงได้ เจลลดรอยสิวที่มีวิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิกสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว และปลอดภัยเมื่อใช้ร่วมกับสารต้านริ้วรอย เช่น เทรติโนอิน (Tretinoin) กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) ทั้งนี้ วิตามินซีอาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น ผิวหนังแสบ แดง ระคายเคือง ที่สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

    • กรดในกลุ่มของอัลฟาไฮดรอกซี (Alphahydeoxy Acids หรือ AHAs)

    กรดในกลุ่มของอัลฟาไฮดรอกซี โดยเฉพาะกรดไกลโคลิก ซึ่งเป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีคุณสมบัติเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก กำจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำและสิ่งสกปรกในรูขุมขน จึงอาจช่วยให้รอยสิวและแผลเป็นจากสิวดูจางลง

    • ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (Topical Retinoid)

    ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ เช่น เทรติโนอิน ทาซาโรทีน (Tazarotene) อะดาพาลีน (Adapalene) ใช้สำหรับลดการอักเสบของสิว และลดรอยบวมแดงที่เกิดจากสิว ทั้งยังช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวซึ่งจะช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้นและลดรอยสิวได้ ทั้งนี้ ควรใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอในปริมาณและความถี่ที่เหมาะกับสภาพผิว เนื่องจากยาอาจทำให้ผิวระคายเคือง แห้ง ลอก เกิดรอยแดง หรือรอยดำได้ หากลองใช้เจลลดรอยสิวที่มีกรดวิตามินเอเป็นส่วนประกอบทุก ๆ 2-3 วัน/ครั้งแล้วไม่มีอาการระคายเคือง อาจเพิ่มความถี่ในการใช้งานเป็นวันละครั้งได้

    • กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid)

    กรดอะซีลาอิกมีคุณสมบัติต้านอักเสบและลดอาการบวมแดงของผิว ทั้งยังเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยรักษาสิวและช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น และสามารถใช้ร่วมกับเทรติโนอินและกรดไกลโคลิกได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาสิวและรอยดำ และช่วยให้หายได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ เจลลดรอยสิวที่มีกรดอะซีลาอิกอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น แสบหรือระคายเคืองผิว ผิวแห้งลอก ผิวมีรอยแดง ให้ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อบำรุงผิวและรอให้ผิวปรับสภาพเข้ากับยาที่ใช้ อาการระคายเคืองผิวอาจหายไปเอง

  • ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)
  • ไฮโดรควิโนนมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์ที่สร้างเมลานินหรือเม็ดสีผิว จึงอาจช่วยรักษารอยสิวที่เกิดจากผิวหนังสร้างเมลานินออกมามากเกินไปจนผิวหนังเปลี่ยนสี ในเจลลดรอยสิวอาจมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น กรดโคจิก (Kojic acid) กรดไกลโคลิก เทรติโนอิน วิตามินซี ที่ช่วยรักษาสิวและปรับผิวหนังบริเวณที่เป็นสิวให้สว่างขึ้น ทั้งนี้ ให้แต้มเจลลดรอยสิวที่มีไฮโดรควิโนนเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยสิวหรือมีจุดด่างดำ เพื่อไม่ให้สีผิวส่วนอื่น ๆ สว่างขึ้นจนทำให้ผิวไม่สม่ำเสมอ

    • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide)

    ไนอะซินาไมด์เป็นวิตามินบี 3 รูปแบบหนึ่งที่มีคุณสมบัติลดเลือนรอยสิวและจุดด่างดำ กระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ปรับให้ผิวดูสว่างและเรียบเนียน กระชับรูขุมขน และช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในผิว จึงอาจลดรอยสิวและการเกิดสิวใหม่ได้ ทั้งนี้ อาจทำให้ผิวหนังบริเวณที่บอบบางอย่างจมูก รอบดวงตามีอาการแสบ แดง หรือระคายเคืองได้

    วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันรอยสิว

    วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันรอยสิว อาจมีดังนี้

    • ทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันรอยสิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet Radiation หรือ UV) ที่อาจทำให้รอยสิวเข้มและเห็นได้ชัดเจนขึ้น
    • ใช้ยาแต้มสิวและเจลลดรอยสิวตั้งแต่สิวหายใหม่ ๆ เพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นและรอยสิว และอาจช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้นได้
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า เพื่อไม่ให้แบคทีเรียที่อาจติดที่มือไปติดบนใบหน้า
    • งดบีบสิวที่อาจทำให้สิวหายได้ช้าลงและเกิดรอยสิวได้ง่าย และรอยดำอยู่นานขึ้น
    • ล้างหน้าให้สะอาดด้วยโฟมล้างหน้าที่เหมาะกับสภาพผิว

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 24/04/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา