การติดเชื้อราที่ผิวหนัง อาจทำให้เกิดผื่นหรือมีอาการคันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และอาจติดต่อกันได้ เนื่องจากเชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศ ในน้ำ และในร่างกายมนุษย์ ควรรักษาความสะอาดและดูแลตนเองอยู่เสมอ นอกจากนั้น เชื้อราบางชนิดอาจเป็นอันตรายและอาจส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังที่รุนแรงได้ จึงควรเรียนรู้วิธีป้องกัน ประเภทการติดเชื้อรา และการรักษาเพื่อให้สามารถรับมือกับโรคได้
[embed-health-tool-bmi]
การติดเชื้อราที่ผิวหนัง
เชื้อราบางชนิดเป็นอันตรายและอาจส่งผลทำให้เกิดการติดเชื้อราที่ผิวหนังซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นและอาการคัน อีกทั้งยังติดต่อผ่านการสัมผัสโดยตรงได้ เช่น การยืมรองเท้าหรือเสื้อผ้า เชื้อราอาจสัมผัสกับผิวหนังและทำให้เกิดการติดเชื้อ หรืออาจเกิดจากการติดต่อจากสัตว์สู่คนได้เช่นกัน
ประเภทการติดเชื้อราที่ผิวหนัง
การติดเชื้อราบนผิวหนัง เกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกาย ซึ่งอาจแบ่งประเภทของการติดเชื้อราที่ผิวหนังได้ ดังนี้
- โรคน้ำกัดเท้า เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดจากการเดินเท้าเปล่าในแอ่งน้ำขัง หรือในห้องน้ำสาธารณะ โดยผิวหนังระหว่างนิ้วเท้าจะเริ่มซีดและลอก อีกทั้งเชื้ออาจแพร่กระจายต่อได้
- เชื้อราที่เล็บ เป็นอาการที่อาจทำให้เล็บเท้าเปลี่ยนสี เล็บเปราะ และแตก ซึ่งมักเกิดขึ้นที่บริเวณเล็บเท้า
- สังคัง มักเกิดผื่นที่ขาหนีบ มีอาการคัน ส่วนใหญ่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
- กลากที่หนังศีรษะ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเด็ก และมักทำให้ผมร่วง
- กลากเกลื้อน เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่ตามเนื้อเยื้อที่ตายแล้ว ผิวหนัง หนังศีรษะ และเล็บ อาจทำให้เกิดอาการคัน มีตุ่ม และผื่นรูปวงแหวน
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิด การติดเชื้อบนผิวหนัง ดังนี้
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ใช้ยาปฏิชีวนะระยะยาว
- มีน้ำหนักเกิน
- เป็นโรคเบาหวาน
- เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดใหม่
- เหงื่อออกมาก
- กำลังตั้งครรภ์
อาการ
อาการของผู้ที่ติดเชื้อราในผิวหนัง มักแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประเภทของ เชื้อรา ซึ่งอาการโดยทั่วไปได้แก่
- ระคายเคือง
- ผิวเป็นสะเก็ด
- มีรอยแดง
- คัน
- บวม
- เกิดแผลพุพอง
ควรพบคุณหมอเมื่อใด
การติดเชื้อราบนผิวหนัง ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่ควรพบคุณหมอเมื่อมีอาการ เพื่อจะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอาการเหล่านี้
- มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย
- ผื่นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและลุกลามอย่างรวดเร็ว
- มีอาการเจ็บ พุพอง หรือติดเชื้อ
- ผื่นเกิดขึ้นพร้อมกับมีไข้
การรักษา
การรักษา เชื้อราที่ผิวหนัง ได้แก่
- การใช้ยาต้านเชื้อราชนิดยาใช้ภายนอก เช่น ครีม เจล โลชั่น แชมพู
- ยาตามใบสั่งแพทย์
- ยารับประทานหากมีอาการติดเชื้อรุนแรง
ผู้ที่มีอาการเชื้อราที่ผิวหนังควรหมั่นคอยสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอ หากอาการรุนแรงขึ้นหลังจากผ่านไป 2 สัปดาห์ ให้รีบพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาในขั้นต่อไป
การป้องกัน
เชื้อราที่ผิวหนัง อาจกลับมาเป็นซ้ำได้ เพื่อหยุดการแพร่กระจายและกลับมาเป็นซ้ำ วิธีเหล่านี้อาจช่วยป้องกันได้ ดังนี้
- ดูแลให้ผิวสะอาดและแห้ง
- สวมรองเท้าทุกครั้งเมื่ออยู่นอกบ้าน
- เปลี่ยนถุงเท้าและชุดชั้นในทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการใช้เสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- ล้างมือด้วยสบู่ หลังจากเล่นกับสัตว์เลี้ยงและก่อนรับประทานอาหาร
- ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ