backup og meta

หูดที่เท้า สาเหตุ อาการ และการรักษา

หูดที่เท้า สาเหตุ อาการ และการรักษา

หูดที่เท้า เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus หรือ HPV) บนผิวหนังชั้นนอก สังเกตได้จากอาการตุ่มนูน ผิวหนังแข็ง เป็นแผล อาจหายได้เองในบางคนโดยไม่ต้องทำการรักษา แต่หากมีอาการเจ็บปวดขณะเดิน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการรักษาทันที

[embed-health-tool-bmr]

คำจำกัดความ

หูดที่เท้า คืออะไร

หูดที่เท้า คือ ตุ่มนูนแข็งที่ปรากฏในบริเวณฝ่าเท้า นิ้วเท้า และซอกนิ้วเท้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดแผลหรือรู้สึกเจ็บปวดขณะเดิน หูดที่เท้าเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีบนผิวหนังชั้นนอก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย

อาการ

อาการของหูดที่เท้า

อาการของหูดที่เท้า มีดังนี้

  • ตุ่มนูนแข็ง มีลักษณะแบนราบ เป็นวง ผิวรอบนอกแข็ง และมีจุดสีดำเล็ก ๆ ตรงกลาง
  • ผิวหนังบริเวณที่เป็นหูดหยาบกร้าน
  • บางคนอาจมีอาการเจ็บปวดขณะเดิน หรือเมื่อบริเวณที่เป็นหูดถูกเสียดสี

หูดที่เท้าสามารถเกิดขึ้นได้ในจุดต่าง ๆ ทั่วเท้า โดยเฉพาะในฝ่าเท้า นิ้วเท้า และซอกนิ้วเท้า หากมีเลือดออกที่หูด เจ็บปวดขณะเดิน เป็นหูดซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง หรือหากอาการหูดรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา

สาเหตุ

สาเหตุของการเกิดหูดที่เท้า

หูดที่เท้ามีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีบนผิวหนังชั้นนอก ที่อาจได้รับผ่านทางบาดแผล ผิวหนังแตก หรือผิวหนังที่บอบบางด้านฝ่าเท้า โดยเฉพาะเมื่อเดินเท้าเปล่าในบริเวณที่เสี่ยง เช่น สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำรวม โรงยิม เพราะไวรัสเอชพีวีจะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของหูดที่เท้า

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เป็นหูดที่เท้า มีดังนี้

  • เด็กและวัยรุ่น รวมถึงผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อและเป็นหูดที่เท้า
  • ผู้ที่มีประวัติเคยเป็นหูดที่เท้ามาก่อน
  • การเดินเท้าเปล่าบริเวณที่มีความชื้น เช่น สระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำรวม ห้องล็อกเกอร์
  • การใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนู รองเท้า ถุงเท้า

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยหูดที่เท้า

คุณหมออาจวินิจฉัยหูดที่เท้าได้จากการดูร่องรอยของหูด หรืออาจเก็บตัวอย่างผิวหนังชั้นบนสุดไปตรวจในห้องปฏิบัติการว่าหรือติดเชื้อไวรัสเอชพีวีที่เสี่ยงต่อการเป็นหูดที่เท้าหรือไม่

การรักษาหูดที่เท้า

ปกติแล้วหูดที่เท้าสามารถหายเองได้ แต่ไม่เสมอไป หากหูดโตมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเริ่มมีอาการเจ็บปวดขณะเดิน หรืออยากให้หูดหายเร็วขึ้น อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • การกำจัดหูดด้วยไนโตรเจนเหลว โดยการนำไนโตรเจนเหลวพ่นในบริเวณที่เป็นหูด เพื่อให้เนื้อเยื่อที่หูดแข็งตัวและหลุดออกไปเอง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทุก ๆ 1-2 เดือน จนกว่าหูดจะหายไป ผลข้างเคียงของการกำจัดหูดที่ฝ่าเท้าด้วยไนโตรเจนเหลวคืออาจทำให้เกิดแผลพุพอง เจ็บปวด และสีผิวเปลี่ยนแปลง
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาที่มีกรดซาลิไซลิก เพื่อทำให้ผิวหนังชั้นนอกลอกออกและอาจทำให้หูดหลุดออกได้ อีกทั้งยังอาจช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และชะลอการเจริญเติบโตของหูด
  • เลเซอร์ คือ การใช้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหูดตีบตัน และทำให้หูดหลุดออก ซึ่งอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ให้สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสเอชพีวีที่ก่อให้เกิดหูดได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ผ่าตัด เป็นวิธีกำจัดหูดที่รวดเร็วและใช้ระยะเวลาไม่นาน โดยคุณหมออาจทำการตัดหูดออกด้วยการจี้ด้วยไฟฟ้า หรืออาจรักษาควบคู่กับการใช้ไนโตรเจนเหลว อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดอาจทำให้ผิวหนังที่เท้าเป็นรอยแผลเป็นได้

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันหูดที่เท้า

การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันหูดที่เท้า มีดังนี้

  • ไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ถุงเท้า ผ้าขนหนู รองเท้า
  • ไม่ควรเดินเท้าเปล่า โดยเฉพาะบริเวณที่อาจมีความชื้นสูง เช่น รอบสระว่ายน้ำ ห้องอาบน้ำรวม โรงยิม
  • ล้างเท้าให้สะอาดก่อนเข้าบ้านและเช็ดให้แห้งสนิท
  • ตัดเล็บเท้าและทำความสะอาดเท้าเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
  • ไม่ควรสัมผัสกับหูด และควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสผู้อื่นหรือสิ่งของเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Plantar warts. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/plantar-warts/symptoms-causes/syc-20352691.Accessed June 20, 2022

Plantar warts. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/plantar-warts/diagnosis-treatment/drc-20352697.Accessed June 20, 2022

Understanding Plantar Warts — the Basics. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/understanding-plantar-warts-basics.Accessed June 20, 2022

Warts and verrucas. https://www.nhs.uk/conditions/warts-and-verrucas/.Accessed June 20, 2022

Visual Guide to Warts. https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/ss/slideshow-warts.Accessed June 20, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

24/07/2022

เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

อัปเดตโดย: สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


บทความที่เกี่ยวข้อง

เชื้อราที่เท้า สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา

ตาตุ่มด้าน เกิดจากอะไร รักษาอย่างไร


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 24/07/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา