backup og meta

อาหารเป็นพิษ อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีป้องกัน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 05/05/2022

    อาหารเป็นพิษ อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีป้องกัน

    อาหารเป็นพิษ เป็นภาวะที่เกิดจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อปรสิต โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนแบบดิบ ๆ หรือไม่ได้ปรุงสุก จนอาจส่งผลให้ติดเชื้อ และมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น ภาวะอาหารเป็นพิษโดยทั่วไปมักมีอาการไม่รุนแรงมาก และหายได้ภายใน 2-3 วัน ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้ 

    อาการของอาหารเป็นพิษ 

    ภาวะอาหารเป็นพิษ อาจมีอาการดังนี้ 

    • ปวดท้อง 
    • ท้องเสีย 
    • คลื่นไส้ อาเจียน 
    • ปวดเมื่อยร่างกาย 
    • มีไข้ หนาวสั่น 
    • ปัสสาวะน้อย
    • มีภาวะขาดน้ำ สังเกตได้จากอาการกระหายน้ำ  ริมฝีปากแห้ง อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ เป็นต้น

    ส่วนใหญ่ อาการมักจะหายภายใน 2-3 วัน แต่หากมีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป อาเจียนบ่อย ท้องเสียเกิน 3 วัน ถ่ายเป็นเลือด ตาพร่ามัว กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีอาการรุนแรง ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างทันท่วงที

    อาหารเป็นพิษ เกิดจากอะไร 

    ภาวะอาหารเป็นพิษมักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา (Salmonella) ครอสทริเดียม เพอร์ฟริงเจนส์ (Clostridium Perfringens) แคมไพโลแบคเตอร์ อีไคไล (E.coli) ลิสทีเรีย (Listeria) หรือเชื้อไวรัส เช่น โนโรไวรัส (Norovirus) การปนเปื้อนอาจเกิดขึ้นในกระบวนการเพาะปลูก การแปรรูป การผลิตอาหาร หรือแม้แต่การประกอบอาหาร ส่วนใหญ่มักพบสิ่งปนเปื้อนในเนื้อสัตว์สด หรือเนื้อที่ปรุงไม่สุก รวมถึงผักผลไม้และเครื่องดื่มที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ เนื่องจากเชื้อโรคเหล่านี้อาจทนต่อความร้อนได้ดี ดังนั้น หากรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด หรือไม่ผ่านการปรุงสุก ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้ 

    ปัจจัยเสี่ยงของภาวะอาหารเป็นพิษ

    กลุ่มเสี่ยงที่อาจพบภาวะอาหารเป็นพิษได้บ่อย อาจมีดังนี้

    • เด็ก โดยเฉพาะเด็กทารก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอาจยังพัฒนาไม่เต็มที่ หากรับประทานอาหารที่ไม่สด หรือไม่สะอาด อาจเสี่ยงเกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้ง่ายกว่าปกติ 
    • ผู้สูงอายุ เป็นช่วงวัยที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเริ่มเสื่อมหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ง่าย
    • หญิงตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ ระบบภูมิคุ้มกันอาจอ่อนแอและยต่อสู้กับเชื้อโรคได้น้อยลง จึงอาจเสี่ยงเกิดอาหารเป็นพิษได้ง่าย หากหญิงตั้งครรภ์เกิดภาวะอาหารเป็นพิษ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ทารกอาจมีพัฒนาการล่าช้ากว่าปกติ 
    • ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ การติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะในระยะเอดส์ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอาจบกพร่อง จนต่อสู้กับเชื้อโรคได้ไม่ดีนัก

    วิธีรักษาภาวะอาหารเป็นพิษ

    การรักษาภาวะอาหารเป็นพิษมักขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค และความรุนแรงของอาการ โดยอาจมีวิธีรักษาดังนี้ 

    • การใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
    • การรับประทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการอาเจียนรุนแรง 
    • การทดแทนของเหลวที่ร่างกายสูญเสียไป ด้วยเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ เป็นต้น เพื่อป้องกันและรักษาภาวะขาดน้ำ

    วิธีป้องกันการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษ 

    วิธีเหล่านี้อาจช่วยป้องกันการเกิดภาวะอาหารเป็นพิษได้ 

    • ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาด จากนั้นซับให้แห้ง ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง 
    • ล้างอุปกรณ์ทำครัวด้วยน้ำยาล้างจานหรือน้ำร้อนก่อนปรุงอาหารทุกครั้ง และไม่ควรใช้เขียงและมืดหั่นเนื้อสัตว์สดร่วมกับผักและผลไม้ หรือวัตถุดิบอื่น ๆ เพราะเนื้อสัตว์ที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุกอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้ 
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ทำเสร็จใหม่ ๆ หรือเก็บรักษาอย่างถูกวิธีเท่านั้น
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารค้างคืน หากเลี่ยงไม่ได้ ควรอุ่นอาหารให้ร้อนก่อนรับประทาน ทั้งนี้ หากอาหารมีรสชาติหรือกลิ่นผิดปกติ ควรเททิ้งทันที 
    • หลีกเลี่ยงการดื่มนมและน้ำผลไม้ที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์ เพราะยังไม่ผ่านการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนอยู่ในเครื่องดื่ม 
    • ไม่ละลายอาหารสดแช่แข็งด้วยการแช่น้ำหรือตั้งทิ้งไว้ ควรนำมาละลายด้วยไมโครเวฟ เพราะการแช่น้ำอาจเพิ่มสิ่งปนเปื้อนในอาหารสดได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 05/05/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา