อาการ คันอวัยวะเพศ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และทำให้เจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศได้ อาการคันอวัยวะเพศอาจเกิดจากสารระคายเคือง การติดเชื้อ หรือเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือโรคมะเร็ง การป้องกันและการรักษาอาการคันจึงอาจเป็นวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้
[embed-health-tool-ovulation]
สาเหตุอาการ คันอวัยวะเพศ
อาการคันอวัยวะเพศอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางสาเหตุอาจเป็นไม่อันตรายต่อสุขภาพ แต่บางสาเหตุก็อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ควรระวัง ดังนี้
อวัยวะเพศระคายเคือง
อวัยวะเพศเป็นส่วนที่บอบบาง มีเส้นประสาทจำนวนมากจึงอาจระคายเคืองได้ง่าย และส่งผลให้คันอวัยวะเพศได้ สิ่งที่อาจทำให้อวัยวะเพศระคายเคือง เช่น เสื้อผ้าหรือชุดชั้นในที่ทำจากวัสดุแข็ง หนา และไม่ระบายอากาศ ซึ่งเสียดสีและทำให้ผิวหนังเป็นรอย นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ซักผ้า หรือสบู่ ที่มีเคมีบางชนิดเป็นส่วนผสม ก็อาจสร้างความระคายเคืองให้กับผิวได้เช่นกัน
การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศอาจมีส่วนทำให้เกิดอาการคันอวัยวะเพศได้ เพราะเมื่อร่างกายถูกกระตุ้น การไหลเวียนของเลือดที่อวัยวะเพศจะเพิ่มขึ้น ทำให้อวัยวะเพศพองตัว จนไวต่อความรู้สึกและระคายเคืองได้ง่าย อย่างไรก็ตาม อาการคันที่เกิดขึ้นจากสาเหตุนี้สามารถหายไปได้เอง ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ อาการคันอาจเกิดจากภาวะถึงจุดสุดยอดพร่ำเพรื่อ (Persistent Genital Arousal Disorder หรือ PGAD) ได้เช่นกัน ผู้ที่เกิดภาวะนี้จะตื่นตัวทางเพศแม้จะไม่ได้รับการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเลยก็ตาม ภาวะนี้ มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทำให้มีอาการคัน รู้สึกเสียวซ่า แสบร้อน เจ็บปวด มีน้ำหล่อลื่นและถึงจุดสุดยอด
การติดเชื้อราในช่องคลอด
ยีสต์แคนดิดา (Candida) อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอด และทำให้มีอาการคันช่องคลอด แสบร้อน บวมแดง บางรายอาจมีการติดเชื้อมายังอวัยวะะเพศด้านนอกด้วย ทำให้มีอาการเจ็บเมื่อปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวมีสีขาวขุ่น อาจมีหรือไม่มีกลิ่นเหม็นก็ได้ นอกจากนี้ ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อราในช่องคลอดได้เช่นกัน
- การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเพิ่มฮอร์โมนเอสโตรเจน
- หญิงตั้งครรภ์
- การสวนล้างช่องคลอด โดยเฉพาะเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารรุนแรง
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- เป็นโรคเบาหวาน หรือน้ำตาลในเลือดสูง
- รักษาโรคด้วยยาปฏิชีวนะบางชนิด
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
เป็นภาวะที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในช่องคลอดมีปริมาณมากเกินไป ซึ่งมักเกิดจากการที่มีการเสียสมดุลของภาวะกรด-เบสในช่องคลอด ซึ่งปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนโดยไม่ป้องกัน หรือการสวนล้างช่องคลอด ซึ่งอาจแสดงอาการ ดังนี้
- ปวดหรือแสบร้อนในช่องคลอด
- ตกขาวมีสีเทาหรือสีขาว
- รู้สึกแสบเมื่อปัสสาวะ
- ช่องคลอดมีกลิ่นคาว โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์
กลากที่อวัยวะเพศ
กลากหรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นโรคผิวหนังที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย มักเกิดในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรือเกิดผิวหนังระคายเคืองจากเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ และอาจทำให้มีอาการ ดังนี้
- คัน
- ผิวแห้ง ผิวแตก มีหนอง
- ผิวหนังแสบร้อน
- ผื่นแดงขึ้นเป็นหย่อม ๆ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาการคันอวัยวะเพศ หรือช่องคลอดอาจเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาจมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย
- ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
- ปัสสาวะบ่อยและเจ็บเมื่อปัสสาวะ
- มีรอยแดงที่อวัยวะเพศ หรือมีแผลรอบปากช่องคลอด
- เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด และปวดท้องน้อย
- หูดที่อวัยวะเพศ
ทั้งนี้ หากมีอาการคันอวัยวะเพศและมีอาการดังกล่าวร่วมด้วย ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและเข้ารับการรักษา
ไลเคน พลานัส (Lichen Planus)
ไลเคน พลานัส (Lichen Planus) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อ มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ ดังนี้
- คัน
- มีแผลพุพอง เลือดออก
- ผิวหนังฟกช้ำง่าย
- ผิวหนังบางและเหี่ยวย่น
- มีรอยแผลเป็น มีจุดขาวเล็ก ๆ ที่อาจขยายใหญ่ขึ้น
คุณหมอยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคผิวหนังชนิดนี้ แต่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การบาดเจ็บที่ผิวหนัง พันธุกรรม หรืออาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานมากเกินไป
มะเร็งปากช่องคลอด
อาการคันอวัยวะเพศหญิงอาจเป็นอาการของโรคมะเร็งปากช่องคลอด และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งปากช่องคลอด อาการอาจมีได้ ดังนี้
- มีเนื้องอกในช่องคลอด หรือที่อวัยวะเพศ หรือก้อนนั้นโตเร็วผิดปกติ
- เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือตกขาวผิดปกติ และมีกลิ่นเหม็น
- เจ็บปวดหรือแสบร้อนที่ช่องคลอด
- ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศมีลักษณะแตกต่างกับบริเวณอื่น อาจมีสีแดงหรือชมพู
- มีแผลที่อวัยวะเพศ หรือแผลเรื้อรังรักษาเเล้วอาการไม่ดีขึ้น
การรักษาอาการ คันอวัยวะเพศ
อาการคันอวัยวะเพศมักต้องได้รับการรักษาแบบเฉพาะที่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการคัน ดังนี้
- รับประทานยาต้านเชื้อราหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาการติดเชื้อ
- ใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamines) สำหรับรักษาอาการลมพิษ หรืออาการระคายเคือง
- ใช้ยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ หรือยาทากลุ่มแคลซินูริน (calcineurin inhibitors) สำหรับรักษาโรคอักเสบ หรือกลาก
- รักษาด้วยการผ่าตัดหากปัญหาเส้นประสาทมีส่วนทำให้เกิดอาการคันช่องคลอด
- ใช้ยาต้านเศร้า เช่น ยาต้านเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic antidepressants) และยากันชัก (Anticonvulsant) ใช้สำหรับรักษาอาการทางระบบประสาท
การป้องกัน อาการคันอวัยวะเพศ
วิธีดูแลสุขภาพช่องคลอด และป้องกันอาการคันอวัยวะเพศ มีดังนี้
- อาบน้ำชำระล้างร่างกายและทำความสะอาดช่องคลอดเป็นประจำทุกวัน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและลดการระคายเคือง ทั้งนี้ ในหนึ่งวันไม่ควรอาบน้ำบ่อยหรือนานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและเพิ่มอาการคันได้
- ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอวัยวะเพศสูตรอ่อนโยน และไม่ควรสวนล้างอวัยวะเพศ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้
- เช็ดอวัยวะเพศให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันการอับชื้น
- เปลี่ยนชุดชั้นในเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใส่กางเกง กางเกงใน หรือถุงน่องที่รัดอวัยวะเพศมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการขี่จักรยาน หรือนั่งม้านั่งเป็นเวลานาน เพราะอาจเกิดแรงกดทับที่อวัยวะเพศได้
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ที่อาจส่งผลทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูก และโรคไวรัสตับอักเสบบี
- ออกกำลังกายช่วยกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อป้องกันปัญหาอุ้งเชิงกรานอ่อนแรง อวัยวะเพศหย่อนยาน ปัสสาวะรั่ว