backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ตับอ่อนอักเสบ อาการ สาเหตุ วิธีวินิจฉัยและวิธีรักษา

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 22/03/2023

ตับอ่อนอักเสบ อาการ สาเหตุ วิธีวินิจฉัยและวิธีรักษา

ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เป็นภาวะที่ตับอ่อนซึ่งทำหน้าที่หลั่งเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารไปยังลำไส้เล็ก ปล่อยฮอร์โมนอินซูลิน และกลูคากอนเพื่อควบคุมการย่อยน้ำตาล (กลูโคส) เกิดการบวมและอักเสบ จนส่งผลต่อการหลั่งเอนไซม์และฮอร์โมนดังกล่าว หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกายได้

ตับอ่อนอักเสบ คืออะไร

ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis) เป็นภาวะที่ตับอ่อนบวมและอักเสบ โดยตับอ่อนเป็นต่อมลักษณะยาวแบน ตั้งอยู่ด้านหลังกระเพาะอาหารในช่องท้องส่วนบน ทำหน้าที่หลั่งเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารไปยังลำไส้เล็ก และปล่อยฮอร์โมนอินซูลินและกลูคากอนเพื่อควบคุมการย่อยน้ำตาลกลูโคส ภาวะนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย

ตับอ่อนอักเสบมี 2 ชนิด ได้แก่

  1. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis)

เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นกะทันหัน อาจเริ่มจากอาการปวดเล็กน้อยไปจนถึงปวดรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที โรคตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันก็อาจหายขาดได้ ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ตับอ่อนเฉียบพลันอาจทำให้เกิดเลือดออกในตับอ่อน เนื้อเยื่อเสียหายรุนแรง การติดเชื้อ และเกิดถุงน้ำ ทั้งยังอาจทำลายอวัยวะสำคัญอื่นๆ เช่น หัวใจ ปอด ไต

2. ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง (Chronic pancreatitis)

เป็นการอักเสบของตับอ่อนที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน มักเกิดขึ้นหลังจากตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน มักมีสาเหตุจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จนทำให้ตับอ่อนเสียหาย อาจใช้เวลาหลายปีกว่าอาการจะปรากฏ และอาจทำให้เกิดอาการตับอ่อนอักเสบรุนแรงเฉียบพลันในเวลาต่อมา

อาการตับอ่อนอักเสบ

อาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่

  • อาการปวดบริเวณช่องท้องส่วนบนที่ลุกลามไปยังหลัง และมีอาการแย่ลงหลังจากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง
  • ท้องบวมและกดเจ็บ
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • มีไข้
  • หัวใจเต้นเร็วขึ้น
  • อาการตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ได้แก่

    อาการตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง คล้ายคลึงกับอาการตับอ่อนเฉียบพลัน แต่อาจมีอาการอื่นๆ คือ น้ำหนักลดลง ซึ่งเกิดจากการดูดซึมอาหารได้น้อย เพราะตับอ่อนปลดปล่อยเอนไซม์เพื่อย่อยอาหารได้ไม่เพียงพอ นอกจากนี้ หากเซลล์ที่สังเคราะห์อินซูลินของตับอ่อนได้รับความเสียหาย ก็อาจทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ด้วย

    ควรไปพบหมอเมื่อใด

    หากมีอาการปวดท้องเรื้อรัง หรือมีอาการปวดท้องรุนแรงมาก จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรรีบไปพบคุณหมอ

    สาเหตุของตับอ่อนอักเสบ

    โรคตับอ่อนอักเสบ อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้

    • โรคพิษสุราเรื้อรัง
    • นิ่วในถุงน้ำดี
    • การผ่าตัดบางประเภท
    • การใช้ยาบางชนิด
    • การสูบบุหรี่
    • โรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic fibrosis)
    • การรักษานิ่วในถุงน้ำดี ด้วยวิธีส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน
    • ประวัติครอบครัวเคยเป็นตับอ่อนอักเสบ
    • ระดับแคลเซียมในเลือดสูง ซึ่งอาจเกิดจากภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน
    • ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
    • การติดเชื้อ
    • การบาดเจ็บในช่องท้อง
    • โรคมะเร็งตับอ่อน

    ปัจจัยเสี่ยงของตับอ่อนอักเสบ

    ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอ่อนอักเสบ เช่น

    • การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน
    • โรคทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น โรคซิสติกไฟโบรซิส
    • นิ่วในถุงน้ำดี
    • ภาวะสุขภาพอื่น ๆ เช่น ไตรกลีเซอไรด์สูง โรคลูปัส (Lupus)

    การวินิจฉัยและการรักษาโรคตับอ่อนอักเสบ

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    การวินิจฉัยตับอ่อนอักเสบ

    นอกจากการซักประวัติและการตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว คุณหมอจะตรวจเลือดเพื่อช่วยในการวินิจฉัย เพราะในระหว่างที่เป็นตับอ่อนเฉียบพลัน เลือดจะมีส่วนประกอบของเอนไซม์อะไมเลส และเอนไซม์ไลเปส ซึ่งเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารที่สร้างขึ้นในตับอ่อนเพิ่มขึ้นจากปกติ 3 เท่า ความเปลี่ยนแปลงยังอาจเกิดขึ้นกับสารเคมีในร่างกายชนิดอื่นๆ เช่น กลูโคส แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ไบคาร์บอเนต เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ระดับเอนไซม์ดังกล่าวมักกลับคืนสู่ระดับปกติ

    การวินิจฉัยตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันมักเป็นเรื่องยากเนื่องจากตับอ่อนอยู่ในบริเวณที่ลึกลงไป คุณหมอจึงอาจต้องใช้วิธีต่อไปนี้ด้วย

    • การอัลตราซาวด์ช่องท้อง
    • การตรวจซีทีสแกน
    • การส่องกล้องและอัลตราซาวด์ทางเดินอาหาร
    • การตรวจระบบทางเดินน้ำดีด้วยเอ็มอาร์ไอ

    การรักษาตับอ่อนอักเสบ

    ผู้ป่วยโรคตับอ่อนอักเสบมักจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เมื่ออาการของผู้ป่วยเริ่มคงที่และควบคุมการอักเสบในตับอ่อนได้แล้ว คุณหมอจึงจะสามารถรักษาสาเหตุที่ทำให้ตับอ่อนอักเสบได้

    การรักษาเบื้องต้นเพื่อช่วยควบคุมและบรรเทาอาการโรคตับอ่อนอักเสบ อาจมีดังนี้

    • คุณหมอจะให้ผู้ป่วยหยุดรับประทานอาหารเป็นเวลา 2 วัน เพื่อให้ตับอ่อนฟื้นตัว เมื่อเริ่มบรรเทาอาการอักเสบได้แล้ว อาจเริ่มดื่มน้ำและรับประทานอาหารรสจืดได้ และเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยจะสามารถกลับไปรับประทานอาหารได้ตามปกติ หากตับอักเสบมีอาการเรื้อรังและผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดเมื่อรับประทานอาหาร คุณหมออาจให้ใช้สายให้อาหาร เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ
    • ยาแก้ปวด ตับอ่อนอักเสบสามารถทำให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงได้ การให้ยาแก้ปวดอาจช่วยควบคุมอาการปวดที่เกิดขึ้นได้
    • การให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ในขณะที่ร่างกายใช้พลังงานและของเหลวสำหรับฟื้นฟูตับอ่อนอาจมีภาวะขาดน้ำได้ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับการให้น้ำเกลือเพิ่มเติมทางหลอดเลือดดำในระหว่างการพักในโรงพยาบาล

    เมื่อควบคุมอาการของตับอ่อนอักเสบได้แล้ว จึงจะสามารถรักษาสาเหตุของตับอ่อนอักเสบได้ โดยการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดตับอ่อนอักเสบ เช่น

    • การผ่าตัดนำสิ่งอุดกั้นท่อน้ำดีออกไป
    • การผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
    • การผ่าตัดตับอ่อน
    • การบำบัดอาการติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังอาจต้องการการรักษาเพิ่มเติม โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของผู้ป่วยแต่ละราย การรักษาอื่น ๆ สำหรับตับอ่อนอักเสบเรื้อรังอาจได้แก่

    • การจัดการอาการปวด
    • การผ่าตัด
    • การเสริมเอนไซม์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการย่อยอาหาร
    • การเปลี่ยนแปลงอาหาร

    การดูแลตัวเองเพื่อรับมือและป้องกันตับอ่อนอักเสบ

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยจัดการกับโรคตับอ่อนอักเสบ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ได้

    • เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่สามารถเลิกดื่มได้ด้วยตัวเอง ควรขอความช่วยเหลือจากคุณหมอหรือนักบำบัด เพื่อให้ได้รับคำแนะนำหรือโปรแกรมเฉพาะเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
    • เลิกสูบบุหรี่ หากไม่สามารถเลิกได้ด้วยตัวเอง ควรขอความช่วยเหลือจากคุณหมอหรือนักบำบัด
    • รับประทานอาหารไขมันต่ำ และเน้นรับประทานผักสด ผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด และโปรตีนปราศจากไขมัน
    • ดื่มน้ำให้มากขึ้น เนื่องจากตับอ่อนอักเสบสามารถทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้นตลอดทั้งวัน โดยอาจพกขวดน้ำหรือแก้วน้ำติดตัวเสมอ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 22/03/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา