จากรายงานชิ้นหนึ่งของ ดร. อาร์โน โมตูลสกี ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์และจีโนมวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันและผู้เขียนอาวุโส ระบุเอาไว้ว่า ในประชากรทั่วไป ความเสี่ยงที่เด็กจะเกิดมาพร้อมกับปัญหาร้ายแรง เช่น ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (spina bifida) หรือโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) เรียกอีกอย่างว่า “โรคหลอดลมพอง” คือ 3-4% แต่สำหรับลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 1 ที่มีความสัมพันธ์กันในเครือญาติ จะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.7-2.8 ซึ่งแม้ว่าการเพิ่มขึ้นจะแสดงถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่ถือว่าใหญ่พอที่จะกีดกันการมีลูกระหว่างลูกพี่ลูกน้องได้
ดร. อาร์โน โมตูลสกี ยังได้กล่าวอีกว่า นักวิจัยไม่ทราบว่าทำไมการแต่งงานระหว่างลูกพี่ลูกน้อง จึงถูกมองด้วยความไม่พอใจในสหรัฐอเมริกา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่า มีญาติกี่คนที่แต่งงานหรืออาศัยอยู่ด้วยกัน การประมาณการแต่งงานระหว่างคนที่เกี่ยวข้องทางสายเลือด ซึ่งรวมถึงลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 1 และคนที่อยู่ห่างไกลมากขึ้น มีตั้งแต่น้อยกว่าร้อยละ 0.1 ของประชากรทั่วไปถึงร้อยละ 1.5
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีข้อมูลจากผลการวิจัยอีกหนึ่งชิ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงของเด็กที่เกิดจากความสันพันธ์ในเครือญาติ ซึ่งนักวิจัยที่ได้ทำการศึกษาหาคำตอบเกี่ยวกับอัตราการตายและความผิดปกติแต่กำเนิดในทารกของชุมชนปากีสถาน ที่เกิดจากการแต่งงานระหว่างลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 1 โดยได้ศึกษาจากทารก 13,500 คนที่เกิดในแบรดฟอร์ด ได้ข้อสรุปว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการแต่งงานกันในเครือญาติระหว่างลูกพี่ลูกน้องลำดับที่ 1 ของชุมชนนั่นก็คือ เรื่องของวัฒนธรรม โดยการแต่งงานกับญาติทางสายเลือดเกิดขึ้นเกือบ 1 ใน 3 หรือคิดเป็น 31% ต่อความบกพร่องที่เกิดขึ้นในทารก
แม้ความเสี่ยงของการเกิดทารกที่มีข้อบกพร่อง มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจหรือระบบประสาท ซึ่งบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิต ยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ก็เพิ่มขึ้นจาก 3% ในประชากรปากีสถานทั่วไปถึง 6% ในหมู่ผู้แต่งงานกับญาติเลือดเดียวกัน โดยนักวิจัยยังพบว่า มีความเสี่ยงในทารกของสตรีผิวขาวชาวอังกฤษที่อายุเกิน 34 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ความเสี่ยงนั้นเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 4%
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย