หลอดเลือดแดงอักเสบทากายาสุ หรือเรียกสั้นๆ ว่า โรคทากายาสุ (Takayasu’s Arteritis) เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจและหลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดไปยังส่วนแขนและเดินผ่านทางลำคอไปยังสมอง อาการอักเสบดังกล่าว ส่งผลให้หลอดเลือดโป่งพองจนเกิดอาการตีบตันหรืออุดตัน
คำจำกัดความ
หลอดเลือดแดงอักเสบทากายาสุ (Takayasu’s Arteritis) คืออะไร
หลอดเลือดแดงอักเสบทากายาสุ หรือเรียกสั้นๆ ว่า โรคทากายาสุ (Takayasu’s Arteritis) เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจและหลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดไปยังส่วนแขนและเดินผ่านทางลำคอไปยังสมอง อาการอักเสบดังกล่าว ส่งผลให้หลอดเลือดโป่งพองจนเกิดอาการตีบตันหรืออุดตัน
อย่างไรก็ตาม โรคทากายาสุเป็นโรคที่หาได้ยาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะอาการดังนี้ มีไข้ ภาวะโลหิตจาง เวียนศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เหงื่อออกเวลากลางคืน เป็นต้น
พบได้บ่อยเพียงใด
โรคทากายาสุสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ทุกเชื้อชาติ โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงเอเชียอายุระหว่าง 15 ถึง 35 ปี
อาการของโรคทากายาสุ
อาการของโรคทากายาสุ
อาการของโรคทากายาสุจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
อาการของโรคทากายาสุ ระยะที่ 1
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
มีไข้เล็กน้อย ในบางครั้งอาจมีอาการเหงื่ออกตอนกลางคืนร่วมด้วย
อาการของโรคทากายาสุ ระยะที่ 2
ในระยะที่ 2 เกิดจากการอักเสบของเส้นเลือดจนเกิดอาการตีบตันหรืออุดตัน ส่งผลให้ออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อยลง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมีอาการ ดังต่อไปนี้
- แขนและขามีการอ่อนแรงหรือเกิดอาการปวด
- รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เป็นลม
- ปวดศีรษะ เกิดความผิดปกติทางการมองเห็น
- เจ็บหน้าอก หายใจถี่
- ความดันโลหิตสูง
- ท้องเสีย หรือมีเลือดปนในอุจจาระ
- โรคโลหิตจาง
- มีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำและกระบวนการคิด
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของโรคทากายาสุ
ในปัจจุบันไม่มีหลักฐานในการระบุสาเหตุของโรคทากายาสุได้อย่างแน่ชัด โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้หญิงเอเชียที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเกิดจากหลายสาเหตุดังนี้
- โรคสืบทอดทางพันธุกรรม
- ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง
- ถูกกระตุ้นโดยไวรัสหรือการติดเชื้ออื่น ๆ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคทากายาสุ
- ผู้หญิงเอเชียที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี
- สมาชิกในครอบครัวที่เคยมีประวัติเป็นโรคทากายาสุ
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยโรคทากายาสุ
ในเบื้องต้นแพทย์จะทำการสอบถามประวัติและอาการของผู้ป่วย รวมถึงการตรวจวิธีอื่น ๆ เพื่อวินิจฉัยโรค ดังนี้ การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging : MRI) การเอ็กซ์เรย์ (X-Ray) และการตรวจวินิจฉัยหลอดเลือด (Angiography) เพื่อดูตำแหน่งและความรุนแรงของความผิดปกติที่เกิดขึ้น รวมถึงการนำเนื้อเยื่อส่วนที่ผิดปกติมาตรวจ
วิธีการรักษาโรคทากายาสุ
วิธีการรักษาโรคทากายาสุขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล โดยส่วนใหญ่มีวิธีการรักษา ดังต่อไปนี้
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นยารับประทานช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่พบบ่อยที่สุดในการรักษาโรคทากายาสุ
- การผ่าตัดขยายเส้นเลือด (Angioplasty) ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอาจส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจวายหรือไตล้มเหลวได้ แพทย์จะใช้วิธีการรักษาโดยการผ่าตัดขยายเส้นเลือดเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนได้อย่างปกติ
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรักษาโรคทากายาสุ
ผู้ป่วยโรคทากายาสุ ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และปรึกษาแพทย์อยู่เสมอเนื่องจากยาที่ใช้ในการรักษามีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
[embed-health-tool-bmi]