backup og meta

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 

อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่

[embed-health-tool-vaccination-tool]

ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร?

การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่

หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้

โรคฝีดาษลิงคืออะไร

โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า

โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1970 ในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก

การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง

  • จากสัตว์สู่คน เกิดจากการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ เช่น หนู กระรอก หรือการกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก
  • จากคนสู่คน แพร่ผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับของเหลวในร่างกาย ตุ่มฝีดาษ หรือผ่านละอองฝอยขนาดใหญ่จากการพูดคุยใกล้ชิด

อาการของโรคฝีดาษลิง

ระยะฟักตัว

  • ระยะฟักตัวของโรคฝีดาษลิงอยู่ระหว่าง 5-21 วัน โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7-14 วัน
  • ในช่วงนี้ผู้ติดเชื้อยังไม่มีอาการและไม่สามารถแพร่เชื้อได้

อาการเริ่มต้น

  • ไข้สูง
  • ปวดศีรษะรุนแรง
  • ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม
  • อ่อนเพลีย รู้สึกหมดแรงและเหนื่อยง่าย

อาการรุนแรง

  • ผื่นและตุ่มหนอง เริ่มปรากฏประมาณ 1-3 วันหลังมีไข้ โดยเริ่มจากใบหน้าและแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย รวมถึงฝ่ามือและฝ่าเท้า
  • ผื่นจะเปลี่ยนลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง และแห้งตกสะเก็ดในที่สุด

การป้องกันโรคฝีดาษลิง

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าหรือสัตว์ที่สงสัยว่าติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น การใช้สิ่งของร่วมกัน
  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ
  • ใช้หน้ากากอนามัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
  • ฉีดวัคซีน JYNNEOS และ ACAM2000 ซึ่งพัฒนาจากวัคซีนป้องกันฝีดาษ ใช้ในบางประเทศสำหรับกลุ่มเสี่ยงหรือพื้นที่ระบาด

ปลูกฝี ยังจำเป็นอยู่ไหม?

การปลูกฝีไม่ใช่สิ่งจำเป็นทั่วไปในปัจจุบัน เนื่องจากโรคฝีดาษถูกกำจัดไปแล้ว แต่ยังมีบทบาทในกรณีเฉพาะ เช่น การใช้วัคซีนฝีดาษ (เช่น JYNNEOS หรือ ACAM2000) เพื่อป้องกันโรคฝีดาษลิงในกลุ่มเสี่ยงหรือในพื้นที่ระบาด

ในอนาคต การปลูกฝีอาจมีความจำเป็นหากมีการระบาดของโรคในตระกูล Orthopoxvirus ที่รุนแรง หรือเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อใหม่ที่คล้ายกัน โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเดิม

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

https://www.facebook.com/bangpakok3/posts/เช็กหัวไหล่ด่วน-ปลูกฝีป้องกันฝีดาษ-ต้องมีแผลเป็นแบบไหนการปลูกฝี-ภาษาอังกฤษเรียกว/2173974649433462/

https://www.hfocus.org/content/2022/05/25168

https://www.pptvhd36.com/health/care/844

https://www.paolohospital.com/th-th/center/Article/Details/โรคฝีดาษลิงหรือไข้ทรพิษ-(Smallpox)-โรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวัง

https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/monkeypox

https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/โรคฝีดาษลิง-ไวรัสอันตรา/

https://www.cdc.gov/smallpox/about/index.html

https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/smallpox/symptoms-causes/syc-20353027 

https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/22371-monkeypox

https://www.nhs.uk/conditions/mpox/

เวอร์ชันปัจจุบัน

30/04/2025

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2025 ควรฉีดไหม และฉีดเมื่อไหร่ดี

เช็กด่วน! วัคซีนที่ควรฉีด เป็นประจำทุกปี มีอะไรบ้าง


ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง โดย ทีม Hello คุณหมอ · เขียน โดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไข 30/04/2025

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา