ต่อมน้ำเหลืองโต (Lymphadenopathy) เป็นสัญญาณธรรมชาติที่บอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคหรือสิ่งที่ทำให้ป่วยอยู่ เมื่อ ต่อมน้ำเหลืองโต อาการ ที่เกิดขึ้นคือ ต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นผิดปกติจนมีขนาดระหว่าง 12-25 มิลลิเมตร รวมถึงรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสโดนต่อมน้ำเหลือง
[embed-health-tool-bmr]
ต่อมน้ำเหลืองโต เกิดจากอะไร
ต่อมน้ำเหลือง เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ลักษณะเป็นต่อมขนาดเล็ก รูปร่างคล้ายเม็ดถั่ว และมีประมาณ 600 ต่อม กระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลังหู ลำคอ รักแร้ หรือขาหนีบ
ต่อมน้ำเหลืองมีหน้าที่กรองและกำจัดเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย แต่หากต่อมน้ำเหลืองติดเชื้อ จนขนาดบวมโตผิดปกติ มักมีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้
- โรคคอหอยอักเสบ
- โรคหวัด
- โรคหัด
- โรคเอดส์ รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี
- โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Mononucleosis)
- โรคไซนัสอักเสบ
- วัณโรค
- โรคซิฟิลิส
- โรคไข้ขี้แมว
- โรคแมวข่วน
นอกจากนี้ ต่อมน้ำเหลืองโตบางครั้งยังเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ได้มาจากเชื้อโรค เช่น
- โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลูปัส
- การใช้ยากันชัก หรือยารักษาโรคมาลาเรีย
- ความเครียด
- โรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- การแพ้ยา
- การได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
ต่อมน้ําเหลืองโต อาการ เป็นอย่างไร
เมื่อต่อมน้ำเหลืองโต มักมีขนาดประมาณ 12-25 มิลลิเมตร จากที่ปกติมีขนาดไม่เกิน 12 มิลลิเมตร รวมถึงมีรู้สึกเจ็บเมื่อถูกสัมผัส
ทั้งนี้ ลักษณะของต่อมน้ำเหลืองโต ยังอาจบอกถึงสาเหตุได้ เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย มักเป็นสัญญาณของการติดเชื้อเอชไอวี โรคโมโนนิวคลิโอซิส หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ส่วนต่อมน้ำเหลือโตอย่างรวดเร็วและแข็ง เป็นสัญญาณของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
นอกจากนี้ ผู้ที่ต่อมน้ำเหลืองโต อาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
- ไข้ขึ้น
- เจ็บคอ
- น้ำมูกไหล
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
ต่อมน้ำเหลืองโต อาการ แทรกซ้อน
หากต่อมน้ำเหลืองโตเนื่องจากการติดเชื้อและการติดเชื้อยังไม่หายหรือไม่ได้รับการรักษา บริเวณที่ต่อมน้ำเหลืองโตอาจมีฝีเกิดขึ้น โดยในฝีนี้จะมีเซลล์เม็ดเลือดขาว เชื้อโรค เนื้อเยื่อที่ตายแล้ว รวมถึงของเหลวอื่น ๆ อยู่ข้างใน
ต่อมน้ำเหลืองโตควรดูแลตัวเองอย่างไร
โดยปกติ เมื่อร่างกายหายจากการติดเชื้อหรืออาการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมน้ำเหลืองโตมักเล็กลงสู่ขนาดปกติและระหว่างที่ต่อมน้ำเหลืองโต อาจดูแลตัวเองด้วยการประคบร้อนหรือรับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
ต่อมน้ำเหลืองโต เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ
ผู้ที่มีอาการต่อมน้ำเหลืองโตควรไปพบคุณหมอ หากต่อมน้ำเหลืองมีลักษณะดังต่อไปนี้
- ต่อมน้ำเหลืองโตโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลา 2 สัปดาห์
- ต่อมน้ำเหลืองไม่เล็กลงภายใน 8-12 สัปดาห์
- ต่อมน้ำเหลืองโตอย่างรวดเร็ว แข็ง และเจ็บมาก
- ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณข้อศอก ไหปลาร้า หรือคางส่วนล่าง เพราะอาจเป็นอาการของโรคมะเร็ง
- ต่อมน้ำเหลืองโตร่วมกับมีอาการแดงของผิวหนังบริเวณต่อมน้ำเหลือง
ต่อมน้ำเหลืองโต ป้องกันได้หรือไม่
ต่อมน้ำเหลืองโตเป็นสัญญาณธรรมชาติที่บอกว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคหรือความเจ็บป่วยอยู่ ไม่ใช่โรคหรือปัญหาสุขภาพที่ป้องกันได้
อย่างไรก็ตาม การดูแลตัวเองตามคำแนะนำต่อไปนี้ อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคและลดความเสี่ยงต่อมน้ำเหลืองบวมได้ ได้แก่
- ล้างมือบ่อย ๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาหรือจมูก
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วยติดเชื้อ
- นอนหลับให้เพียงพอประมาณวันละ 7-9 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์