งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ปี พ.ศ. 2562 ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรับประทานมะเขือเพื่อช่วยปรับปรุงความดันโลหิตและสภาวะทางจิตใจของผู้ที่มีความเครียด พบว่า สารโคลีนเอสเทอร์ (Choline esters) และอะเซทิลโคลีน (Acetylcholine) ที่พบได้ในมะเขือ อาจสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ การบริโภคมะเขืออย่างต่อเนื่องจึงอาจส่งผลดีต่อความดันโลหิต ความเครียด และสภาพจิตใจของมนุษย์
นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจากงานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Iranian Journal of Basic Medical Sciences ปี พ.ศ. 2564 ทำการวิจัยเกี่ยวกับผลของการรับประทานมะเขือต่อกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม พบว่า มะเขือมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต โดยการยับยั้งการทำงานของแองจิโอเทนซิน-คอนเวอร์ติง เอนไซม์ (Angiotensin-Converting Enzyme: ACE ) ซึ่งช่วยลดการผลิตสารแองจิโอเทนซิน 2 (Angiotensin 2) ที่ทำให้เส้นเลือดหดตัวและลดการสลายตัวของสารแบรดีไคนิน (Bradekinin) ที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว
นอกจากนี้ อาจป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคอ้วนโดยลดการทำงานของไลโปโปรตีนไลเปส (Lipoprotein lipase) และไลเปสในตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเปลี่ยนไตรกลีเซอไรด์ที่อยู่ในเลือดให้เป็นกรดไขมันและกลีเซอรอลเพื่อดูดซึมเข้าสู่เซลล์ไขมันและนำไปเก็บสะสมไว้
อาจป้องกันโรคเบาหวาน
มะเขือเปราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟีนอลิก (Phenolic) และอัลคาลอยด์ (Alkaloids) ซึ่งมีส่วนช่วยต้านการอักเสบของเนื้อเยื่อจากการทำลายของอนุมูลอิสระ และอาจช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด จึงส่งผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
งานวิจัยหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Iranian Journal of Basic Medical Sciences ปี พ.ศ. 2564 ทำการวิจัยเกี่ยวกับผลของ การรับประทานมะเขือต่อกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม พบว่า สารประกอบฟีนอลิก และอัลคาลอยด์ ที่สามารถพบได้ในมะเขือ อาจช่วยต้านอนุมูลอิสระ โรคเบาหวาน และความดันเลือดต่ำ รวมถึงอาจช่วยควบคุมโรคเบาหวานด้วยการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระและการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีผลต่อการย่อยสลายและดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย