ปอเปี๊ยะเจ นับเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตสำหรับผู้รับประทานอาหารแบบวีแกน และยังได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี แต่บางครั้งนั้นการที่เราจะหาซื้อตามท้องตลาดมันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำ สูตรปอเปี๊ยะเจทอด มาฝากให้ทุกคนได้ลองทำรับประทานด้วยตนเอง และสามารถทำได้ทุกช่วงเวลาที่ต้องการทานกันค่ะ
สูตรปอเปี๊ยะเจทอด
วัตถุดิบในการทำปอเปี๊ยะเจทอด
- แผ่นปอเปี๊ยะ 1 ห่อ
- กะหล่ำปลีหั่นยาวเป็นเส้นเล็ก ๆ ½ ถ้วย
- แครอทหั่นยาว ½ ถ้วย
- วุ้นเส้นตัดเป็นเส้นสั้น ๆ พอดีคำ 50 กรัม
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- ผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 3 ช้อนชา ที่ผสมกับน้ำประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการทำปอเปี๊ยะเจทอด
- นำวุ้นเส้นแช่ลงในน้ำต้มในไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาที และใส่ผักที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นเติมด้วยน้ำมันงารอจนสุกประมาณ 1 นาที พร้อมกับคนตลอดเวลา
- ใส่กระเทียมลงไปเพิ่มเติมจนกว่าจะเนื้อของผักทั้งหมดนั้นจะนิ่มขึ้น แล้วจึงนำซีอิ๊วเติมลงไปร่วมด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติ
- ปิดไฟ กรองเอาแต่วุ้นเส้น และผักทั้งหมดลงในภาชนะ เพื่อพักไว้ให้เย็นตัวลง
- ทำการนำแป้งปอเปี๊ยะวางลงบนพื้นผิวเรียบเพื่อเตรียมการห่อ
- ตักวุ้นเส้นและผักที่พักไว้ ประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ วางตรงบริเวณขอบแป้งด้านใดด้านหนึ่ง
- ม้วนแป้งพร้อมไส้ของปอเปี๊ยะ จากนั้นมุมที่เหลือให้ทำการพับลงหรือจัดการปิดให้สนิทด้วยการใช้แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำซึ่งเปรียบเสมือนกับกาวทาลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้ไส้ทะลักออกเวลาทอด
- เมื่อทำได้ตามจำนวนที่พึงพอใจแล้ว ให้เติมน้ำมันลงบนในกระทะ แล้วนำลงไปทอดได้ทันทีหลังจากน้ำมันเดือด
- เช็กการเปลี่ยนแปลงสีของปอเปี๊ยะ หากมีสีที่ค่อนข้างเหลืองอ่อน ๆ แล้วให้ทำการปิดไฟ และนำขึ้นใส่ลงในภาชนะพร้อมรับประทานได้ทันที
ในการทำปอเปี๊ยะเจทอดนั้น คุณสามารถหาวัตถุดิบอื่น ๆ จากพืชผักพันธุ์ต่าง ๆ ที่คุณชอบ นอกเหนือจากสูตรนี้มาร่วมห่อด้วยก็ย่อมได้ อีกทั้งในกรณีที่คุณนั้นยังไม่คุ้นชินกับการรับประทานปอเปี๊ยะแบบไร้เนื้อสัตว์คุณสามารถนำเห็ดมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วทำการห่อก่อนนำไปทอดได้เช่นเดียวกัน เพื่อทดแทนความหนึบหนับ และอรรถรสในการรับประทานให้คล้ายเนื้อสัตว์มากที่สุด
ประโยชน์ของการรับประทานอาหารแบบวีแกน
การรับประทานอาหารแบบวีแกน (Vegan diets) คือ การรับประทานอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ใด ๆ ทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม ไข่ นี้ด้วย แต่ในบางกรณีก็อาจหาเครื่องดื่มที่สกัดมาจากธัญพืชแทนนมวัวได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น นมอัลมอนด์ หรือนมถั่วเหลือง เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่การทานอาหารแบบวีแกนมักจะประกอบไปด้วยพืช ผัก และผลไม้ต่าง ๆ เสียมากกว่า ที่สำคัญการที่เราปรับเปลี่ยนหันมารับประทานอาหารที่ประกอบด้วยผักแทนเนื้อสัตว์นั้น ยังอาจให้ประโยชน์กับทางสุขภาพของคุณได้ ดังต่อไปนี้
-
ป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด
จากการทบทวนการศึกษาหนึ่งในปีค.ศ. 2017 พบว่า ผู้ที่มีการรับประทานอาหารแบบวีแกน หรือจำพวกมังสวิรัติ อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ถึง 15% เพราะเนื่องจากในผัก และผลไม้นั้นประกอบด้วยวิตามิน เส้นใยอาหาร รวมถึงสารประกอบที่มีกลไกการออกฤทธิ์สำคัญทางชีวภาพที่อาจช่วยป้องกันคุณจากโรคมะเร็งได้
อีกทั้งตามที่องค์การอนามัยโลกเคยระบุไว้ ถึงปัจจัยหนึ่งในสามของการป้องกันโรคมะเร็งที่สำคัญที่สุด คือการควบคุมอาหาร และหมั่นเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ
-
ลดน้ำหนัก
ส่วนใหญ่อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์มากกว่าพืชผัก มักมีปริมาณของไขมัน ละแคลอรี่อยู่สูง จึงทำให้บางครั้งการที่เราหันมาปรับเปลี่ยนการรับประทานอาการแบบวีแกนบ้างนั้น อาจสามารถทำให้รับแคลอรี่ที่ต่ำลง จนคุณเกิดการลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีมากขึ้น
-
บรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบ
ในการศึกษาชิ้นหนึ่งทีมวิจัยได้ทำการให้อาสาสมัครจากผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ จำนวน 40 คน เข้าร่วมรับประทานอาหารแบบวีแกนที่ประกอบด้วยพืชผัก และอีกกลุ่มรับประทานอาหารแบบทั่วไป เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งผลการทดสอบครั้งนี้จึงได้ข้อสรุปออกมาว่าผู้ที่รับประทานอาการวีแกนส่วนใหญ่นั้น มีระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้ดี พร้อมทั้งได้รับพลังงานที่สูงขึ้น กว่าผู้ที่รับประทานอาหารแบบทั่วไป
-
ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ
เนื่องจากไขมันที่เราได้รับล้วนมากจากเนื้อสัตว์ และผลผลิตจากสัตว์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ชีส เนย และอื่น ๆ เป็นต้น จึงทำให้บางครั้งอาหารประเภทนี้อาจเข้าไปช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมองได้
การที่คุณลองหันมารับประทานอาหารที่ประกอบด้วยพืชที่มีไฟเบอร์สูงทดแทนนั้น อาจเป็นการส่งผลดีในการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจลง เพราะพืช ผัก รวมถึงผลไม้ ต่าง ๆ มักมีระดับแคลอรี่ที่ต่ำกว่า จนอาจนำไปสู่ระดับของคอเลสเตอรอลที่น้อยลงตาม
ข้อควรรู้ก่อนการรับประทานอาหารแบบวีแกน
โดยรวมแล้วการรับประทานแบบวีแกน ค่อนข้างให้ความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็มิควรบริโภคจนร่างกายคุณหักโหมจนเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายคุณมีการขาดโปรตีน และไขมันสำคัญในการเปลี่ยนเป็นพลังงานนำไปใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้
ดังนั้นทางที่ดี คุณควรมีการจัดตารางการรับประทานอาหารโดยอาจทำการปรึกษากับนักโภชนาการร่วมด้วย เพื่อเป็นการแบ่งระยะเวลาในการรับประทานอาหารแบบทั่วไป และอาหารแบบวีแกนที่เหมาะสมแก่สุขภาพของคุณ
[embed-health-tool-bmi]