backup og meta

น้ำมันออริกาโน (Oregano Oil) กับประโยชน์ด้านสุขภาพ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 20/08/2020

    น้ำมันออริกาโน (Oregano Oil) กับประโยชน์ด้านสุขภาพ

    “ออริกาโน’ เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีว่ามันมักถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารอิตาเลียน มากไปกว่านั้นแล้ว ออริกาโนยังสามารถใช้นำมาทำเป็นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเรียกว่า น้ำมันออริกาโน ได้อีกด้วย ซึ่งน้ำมันออริกาโนนั้นเต็มไปด้วยสารประกอบที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยทาง Hello คุณหมอ ได้หยิบยกเรื่องนี้มาฝากกัน

    ทำความรู้จักกับ น้ำมันออริกาโน (Oregano Oil)

    ออริกาโน (Origano) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในตระกูลของมิ้นต์ มันเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับทำอาหารซึ่งทุกเคยจะคุ้นเคยเพราะมักใช้ในอาหารอิตาเลียน สำหรับน้ำมันออริกาโน ในใบมีสารสำคัญระดับสูง ผู้ผลิตน้ำมันออริกาโนจะนำใบและลำต้นมาผ่านกระบวนการที่ทำให้แห้งสนิท แล้วนำไปกลั่นกลั่นด้วยไอน้ำ เพื่อแยกสารประกอบออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งน้ำมันออริกาโน ประกอบด้วยสารประกอบสำคัญ ดังนี้

    • คาร์วาครอล (Carvacrol) เป็นสารหลักในน้ำมันออริกาโน ทำหน้าที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดก่อโรค
    • ฟีนอล (Phenol) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายชนิดหนึ่ง
    • สารประกอบไทมอล (Thymol) ซึ่งอาจช่วยป้องกันสารพิษและต่อสู้กับการติดเชื้อรา
    • กรดโรสมารินิก (Rosmarinic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ

    *แม้สารประกอบไทมอลจะเกิดได้มากจากใบไทม์ (Thyme) แต่ในน้ำมันออริกาโนก็มีสารประกอบไทมอลในจำนวนมากพอสมควรเช่นกัน

    น้ำมันออริกาโน มีประโยชน์อะไรบ้าง

    หลังจากที่รู้กันไปแล้วว่าน้ำมันออริกาโนนั้นมีสารประกอบที่น่าสนใจอะไรบ้าง ลองมาดูประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากน้ำมันออริกาโนกันบ้างดีกว่า

    ปรับปรุงสภาพลำไส้

    ออริกาโนมีประโยชน์ต่อสุขภาพของลำไส้ ซึ่งอาการของลำไส้ ได้แก่ ท้องเสีย ปวดท้อง และท้องอืด ซึ่งเป็นเรื่องปกติและอาจเกิดจากปรสิตในลำไส้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นการศึกษาที่ค่อนข้างเก่าพบว่า การให้น้ำมันออริกาโน 600 มิลลิกรัม แก่คน 14 คนที่มีอาการลำไส้เนื่องจากปรสิต หลังจากการรักษาทุกวันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ เข้าร่วมทุกคนมีจำนวนปรสิตในลำไส้ที่ลดลง 77 เปอร์เซ็นต์หลังได้รับการรักษา และยังมีผู้เข้าร่วมทดลองยังมีอาการของลำไส้ที่ลดลง รวมถึงความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับอาการที่เกิดจากลำไส้ด้วย

    น้ำมันออริกาโนยังอาจช่วยป้องกันอาการของลำไส้ ที่เรียกว่า “ลำไส้รั่ว” ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อผนังลำไส้ถูกทำลาย ทำให้แบคทีเรียและสารพิษไหลผ่านกระแสเลือด ในการศึกษากับหมู น้ำมันออริกาโนช่วยป้องกันผนังลำไส้ไม่ให้ถูกทำลายและป้องกันไม่ให้ลำไส้รั่ว นอกจากนี้ยังช่วยลดจำนวนแบคทีเรียอีโคไลในลำไส้ได้อีกด้วย

    อาจใช้รักษาอาการลำไส้บวมได้

    เมื่อนำน้ำมันโหระพามารวมกับน้ำมันออริกาโน มันสามารถช่วยรักษาอาการลำไส้บวม ซึ่งเป็นโรคลำไส้อักเสบชนิดหนึ่ง จากการศึกษาในสัตว์ที่เผยแพร่ใน Mediators of Inflammation พบว่า หนูที่เป็นโรคลำไส้อักเสบ เพื่อได้รับน้ำมันโหระพาที่รวมกับน้ำมันออริกาโน มีอาการอักเสบลดลง หลังจากที่ได้รับการรักษาแบบผสมผสาน

    เนื่องจากยังขาดการทดลองกับมนุษย์ จึงยังไม่มีข้อสรุปว่า เมื่อนำน้ำมันโหระพามารวมกับน้ำมันออริกาโน จะมีประโยชน์ในการรักษาอาการลำไส้ใหญ่ในมนุษย์ได้หรือไม่ จึงอาจจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

    รักษาการติดเชื้อแคนดิดา (Candida)

    การวิจัยในห้องปฏิบัติการ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า น้ำมันออริกาโน อาจช่วยต่อสู้กับการเจริญเติบโตของเชื้อแคนดิดา (Candida) ชนิดยีสต์ที่ปกติอาศัยอยู่ในทางเดินอาหารและช่องคลอด เชื้อแคนดิดาสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังและการติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอดได้

    ในขณะที่การค้นพบจากการศึกษาในหลอดทดลองและการวิจัยในสัตว์เป็นสิ่งที่มีแนวโน้มที่จะรักษาได้ แต่ขณะนี้ยังไม่การทดลองทางคลินิกที่แสดงให้เห็นว่า น้ำมันออริกาโนจามารถช่วยป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อแคนดิดาในมนุษย์

    การติดเชื้อแบคทีเรีย

    การวิจัยเบื้องต้นระบุว่า น้ำมันออริกาโน อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด จากการศึกษาในหนูที่ตีพิมพ์ใน Toxicology Mechanisms and Methods แสดงให้เห็นว่า น้ำมันออริกาโนอาจมีประโยชน์สำหรับการป้องกันหรือรักษาโรคติดเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus)

    จากการศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Huazhong University of Science and Technology พบว่า น้ำมันออริกาโนอาจมีประสิทธิภาพในการทำลายแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับโรคบิดในหนู อย่างไรก็ตามการศึกษาเหล่านี้ยังไม่ได้ลองศึกษาในมนุษย์

    ยาปฏิชีวนะธรรมชาติ

    สารประกอบสำคัญในน้ำมันออริกาโนอย่าง คาร์วาครอล (Carvacrol) อาจช่วยต่อสู้กับแบคทีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบคทีเรียสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เป็นสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อยที่สุดของการติดเชื้อที่ทำให้เกิดโรค เช่น อาหารเป็นพิษ และการติดเชื้อที่ผิวหนัง

    งานวิจัยชิ้นหนึ่งศึกษาว่า น้ำมันออริกาโนช่วยยืดชีวิตของหนูที่ติดเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสได้ โดยพบว่า 43 เปอร์เซ็นต์ของหนูที่ได้รับน้ำมันออริกาโนในช่วง 30 วัน จะมีอัตราการรอดชีวิตสูงเกือบเท่าอัตราการรอดชีวิต 50 เปอรเซ็นต์ ของหนูที่ได้รับยาปฏิชีวนะปกติ

    จากการวิจัยพบว่า น้ำมันออริกาโนอาจมีประสิทธิภาพต่อต้านบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวิตนะ ซึ่งรวมถึงเชื้อซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) และเชื้ออีโคไล (E.coli) ซึ่งเชื้อทั้ง 2 อย่างนี้เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและระบบทางเดินหายใจ

    แม้ว่ายังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของสารสกัดจากน้ำมันออริกาโน แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าสารหลายชนิดในน้ำมันออริกาโนที่อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

    ช่วยลดคอเลสเตอรอล

    จากการศึกษาพบว่าน้ำมันออริกาโนอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล นอกจากนั้นจากการศึกษาหนึ่งพบว่า 48 คนที่มีคอเลสเตอรอลสูง ที่ได้รับการแนะนำเรื่องอาหารและการใช้ชีวิตเพื่อช่วยลดคอเลสเตอรอล ผู้เข้าร่วม 32 คนยังได้รับสารสกัดน้ำมันออริกาโน 25 มิลลิกรัม หลังอาหารแต่ละมื้อ

    หลังจาก 3 เดือน ผู้ที่ได้รับน้ำมันออริกาโนมีคอเลสเตอรอลดีสูง (HDL) และไขมันที่มีความหนาแน่นต่ำ (LDL) เมื่อเทียบกับผู้ที่เพิ่งได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับอาหารและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

    คาร์วาครอล (Carvacrol) เป็นสารประกอบหลักในน้ำมันออริกาโน ยังได้แสดงให้เห็นว่า มันสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในหนูที่ได้รับอาหารไขมันสูงในช่วง 10 สัปดาห์ โดยหนูที่ได้รับคาร์วาครอลควบคู่ไปกับอาหารที่มีไขมันสูงนั้น จะมีระดับคอเลสเตอรอลที่ลดลงอย่างมากในช่วง 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับหนูที่ได้รับอาหารที่มีไขมันสูงปกติ ผลของการลดคอเลสเตอรอลของน้ำมันออริกาโนนั้นเป็นผลมาจากฟีนอล คาร์วาครอล และไทมอล

    สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ

    สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปป้องร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ความเสียหายจากอนุมูลอิสระนั้นมีบทบาทเกี่ยวกับริ้วรอยและการพัฒนาของโรคบางอย่าง เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ

    อนุมูลอิสระมีอยู่ทั่วไปและเป็นสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติซึ่งผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงสารอาหารที่มีปฏิกิริยาทางชีวเคมีเกิดขึ้นหลายขั้นตอนให้เป็นพลังงานภายในเซลล์ อย่างไรก็ตาม พวกมันสามารถสร้างขึ้นในร่างกายผ่านการสัมผัส ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ควันบุหรี่ และมลพิษทางอากาศ

    การศึกษาจากหลอดทดลอง (test-tube) หนึ่งครั้งเปรียบเทียบกับสารต้านอนุมูลอิสระของสมุนไพร 39 ชนิดที่ใช้กันทั่วไป และพบว่าออริกาโนมีสารต้านอนุมูลอิสระในความเข้มข้นสูงสุด

    นอกจากนั้นยังพบว่าออริกาโนมีระดับสารต้านอนุมูลอิสนะในสมุนไพรอื่นๆ 3-30 เท่า ซึ่งรวมถึงโหระพา Marjoram (มาจอร์แรม) และเซนต์จอห์นเวิร์ต (St John’s Wort)

    เมื่อเทียบกันแบบกรัมต่อกรัม น้ำมันออริกาโนมีสารต้านอนุมูลอิสระ 42 เท่าเมื่อเทียบกับแอปเปิ้ล และบลูเบอร์รี่ 4 เท่า เนื่องจากสารสกัดจากน้ำมันออริกาโนมีความเข้มข้นมาก คุณจึงต้องใช้มันให้น้อยกว่าออริกาโนสดเพื่อที่จะได้ประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระ

    สามารถช่วยรักษาเชื้อยีสต์

    ยีสต์เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่อาจไม่เป็นอันตราย  แต่การมีมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่อลำไส้และการติดเชื้อภายในช่องคลอด ยีสต์ที่เป็นที่รู้จักกันดีมากที่สุดก็คือ แคนดิดา (Candida) ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการติดเชื้อยีสต์ทั่วโลก

    จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่า น้ำมันออริกาโนมีประสิทธิภาพต่อยีสต์แคนดิดา 5 ประเภทที่แตกต่างกัน เช่น ประเภทที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในปากและช่องคลอด ในความเป็นจริงน้ำมันออริกาโนนั้นยังมีประสิทธิภาพที่มากกว่าน้ำมันหอมระเหยชนิดอื่นๆ ที่ผ่านการทดสอบ

    นอกจากนั้นการศึกษาในหลอดทดลองพบว่า คาร์วาครอลซึ่งเป็นสารประกอบหลักของน้ำมันออริกาโนมีประสิทธิภาพในการต่อต้านยีสต์แคนดิดาในช่องปาก ซึ่งอาจสรุปได้ว่า น้ำมันออริกาโนอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรักษาเชื้อยีสต์แคนดิดา แต่ก็ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

    มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ

    การอักเสบในร่างกายนั้นเชื่อมโยงกับผลกระทบต่อสุขภาพหลายปะการ การวิจัยพบว่าน้ำมันออริกาโนอาจลดการอักเสบ นอกจากนั้นการศึกษาในหนูพบว่า น้ำมันออริกาโนและน้ำมันโหระพา สามารถลดอาการอักเสบในผู้ที่มีอาการลำไส้บวม

    คาร์วาครอลซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญในน้ำมันออริกาโนได้รับการวิจัยแล้วว่า มันช่วยลดการอักเสบ จากการวิจัยชิ้นหนึ่งได้นำความเข้มข้นของคาร์วาครอลไปทดลองใช้กับอุ้งเท้าที่บวมหรือหูที่บวมของหนู ซึ่งคาร์วาครอลสามารถลดอาการอุ้งเท้าบวมและหูบวมได้ 35-61 เปอร์เซ็นต์ และ 33-43 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

    บรรเทาอาการปวด

    น้ำมันออริกาโนได้รับการตรวจสอบแล้วว่ามีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งที่มีการทดลองกับหนูทดลองที่ได้รับการทดสอบจากยาแก้ปวดมาตรฐาน น้ำมันหอมระเหย และน้ำมันออริกาโน

    ผลการวิจัยบ่งชี้ว่า สำหรับความสามารถในการบรรเทาอาการปวด พบว่า น้ำมันออริกาโนช่วยลดอาการปวดในหนูอย่างมี่นัยยะสำคัญ ซึ่งมันทำให้เกิดอาการคล้ายยาแก้ปวดเฟลอบิโพรเฟน (Flurbiprofen) และมอร์ฟีนที่ใช้กันทั่วไป

    จากการศึกษาที่คล้ายกันพบว่า สารสกัดจากออริกาโนลดความเจ็บปวดในหนู ซึ่งการตอบสนองขึ้นอยู่กับขนาดยา นั่นหมายถึง สารสกัดจากออริกาโนที่หนูบริโภคมากขึ้นจะทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลง

    มีคุณสมบัติต้านเซลล์มะเร็ง

    มีการศึกษาเพียงไม่กี่ชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า คาร์วาครอลซึ่งเป็นหนึ่งในสารประกอบในน้ำมันออริกาโน อาจมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง ในการศึกษาหลอดทดลองเกี่ยวกับเซลล์มะเร็ง คาร์วาครอลได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่มีแนวโน้มต่อเซลล์ปอด ตับ และมะเร็งเต้านม

    ทั้งยังพบว่า มันสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์และทำให้เซลล์มะเร็งตาย แม้ว่านี่จะเป็นการวิจัยที่มีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้ แก็ยังไม่มีการศึกษาวิจัยในคน ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

    อาจช่วยในการลดน้ำหนัก

    คาร์วาครอลของน้ำมันออริกาโนอาจช่วยลดน้ำหนักได้ ในการศึกษากับหนูที่ได้รับอาหารทั้งแบบปกติ และอาหารที่มีไขมันสูง แต่ได้รับคาร์วาครอลควบคู่ไปด้วยพบว่า พวกมันมีน้ำหนักและไขมันในร่างกายลดลง ยิ่งไปกว่านั้นคาร์วาครอลดูเหมือนจะย้อนกลับห่วงโซ่อาหารของสาเหตุที่อาจนำไปสู่การก่อตัวของเซลล์ไขมันอีกด้วย

    แต่ทั้งนี้ ยังต้องมีการวิจับเพิ่มเติม เพื่อแสดงให้เห็นว่า น้ำมันออริกาโนมีบทบาทในการลดน้ำหนัก ไม่เช่นนั้นลองนำม้ำมันออริกาโนใส่ลงไปเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพก็ได้เช่นกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 20/08/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา