backup og meta

สุดยอด วิตามินและอาหารเสริม สำหรับไมเกรน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 16/06/2020

    สุดยอด วิตามินและอาหารเสริม สำหรับไมเกรน

    อาการปวดหัวไมเกรน เป็นอาการที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต บางครั้งการใช้ยาเพื่อรักษาอาการไมเกรน อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นการใช้วิธีทางธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความน่าสนใจทีเดียว วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลของ วิตามินและอาหารเสริม สำหรับไมเกรน มาให้อ่านกันค่ะ

    ไมเกรน คืออะไร

    ไมเกรน (Migraine) เป็นภาวะทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการหลาย ๆ อย่างรวมกัน ทั้งอาการปวดหัวรุนแรง มีอาการอ่อนเพลีย สำหรับบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกมีอาการชา มีความไวต่อแสงและเสียง ไมเกรนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ แต่ผู้หญิงนั้นมีแนวโน้มที่จะมีอาการปวดหัวไมเกรนมากกว่าผู้ชาย

    วิตามินและอาหารเสริม สำหรับไมเกรน

    อาการปวดหัวไมเกรนในแต่ละคนจะมีสาเหตุและอาการปวดที่แตกต่างกันออกไป ยา วิตามิน หรืออาหารเสริมแต่ละชนิดก็จะส่งผลที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ดังนั้นไม่มีวิตามินและอาหารเสริมชนิดไหนที่สามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้เหมือนกันในทุกคน แต่วิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้ก็ยังเป็นวิตามินและอาหารเสริมที่ดีต่ออาการไมเกรน

    วิตามินบี 2

    งานวิจัยยังไม่สามารถระบุได้ว่าทำไมวิตามินบี 2 นั้นมีส่วนช่วยในการป้องกันไมเกรนได้อย่างไร แต่อาจเกี่ยวข้องกับวิธีการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาไมเกรนอาจมีปัญหาในกระบวนการเผาผลาญนั้น ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวได้

    อ้างอิงจากงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิตามินและสารอาหาร สรุปว่าวิตามินบีมีผลทำให้ความถี่และระยะเวลาการเกิดของไมเกรนนั้นลดลง ซึ่งแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่สามารถพบวิตามินบีได้ เช่น เนื้อ นม ไข่ ผักสีเขียว ถั่ว เพื่อป้องกันไมเกรนควรรับประทานวิตามินบี 2 ประมาณ 400 มิลิกรัมต่อวัน

    แมกนีเซียม

    ผู้ที่มีปัญหาไมเกรนนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีระดับแมกนีเซียมที่ต่ำ ซึ่งการได้รับแมกนีซียมที่เพียงพอต่อร่างกายนั้นมีส่วนช่วยในการป้องกันไมเกรนได้ในบางคน จากการวิจัยพบว่าการฉีดแมกนีเซียมทางหลอดเลือดดำสามารถช่วยลดการกำเริบของอาการปวดหัวไมเกรนได้

    นอกเหนือจากนี้ การบริโภคแมกนีเซียมยังสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้ด้วย ซึ่งอาหารที่สามารถพบแมกนีเซียมได้ เช่น ผักโขม ถั่ว และธัญพืช แมกนีเซียมเป็นสารอาหารที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด กล้ามเนื้อและเส้นประสาทให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง

    ดอกฟีเวอร์ฟิว (Feverfew)

    ดอกฟีเวอร์ฟิว เป็นดอกไม้ที่พบได้ทั่วไปในแถบประเทศยุโรป ลักษณะดอกมีสาวขาวและสีเหลืองคล้ายดอกคาโมไมล์ ในแถบประเทศยุโรปมีการใช้ดอกฟีเวอร์ฟิวเป็นสมุนไพรและยาพื้นบ้านมานาน เพราะมีคุณสมบัติในการลดอาการปวดหัว อาการปวดประจำเดือน โรคหอบหืด โรคผิวหนังและโรคข้ออักเสบ จากการศึกษาพบว่าดอกฟีเวอร์ฟิวยังยังมีส่วนช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ ส่วนใหญ่มักใช้ในรูปแบบของผงแห้งบรรจุแคปซูล

    วิตามินดี

    จากการศึกษาของผู้ที่เข้าร่วมการทดลองรับวิตามินดี 50,000 IU ต่อสัปดาห์ พบว่าการได้รับวิตามินดีนั้นช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการไมเกรนได้ แต่การที่จะเริ่มรับประทานวิตามินดีนั้นจะต้องปรึกษากับแพทย์ที่รักษาก่อนว่าควรรับประทานวิตามินดีในปริมาณเท่าไร

    โคเอ็นไซม์คิว 10 (Coenzyme Q10 หรือ CoQ10)

    โคเอ็นไซม์คิว 10 เป็นสารที่มีคุณสมบัติคล้ายวิตามิน ที่ร่างกายสามารถผลิตได้เอง ซึ่งเป็นสารที่มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายเป็นอย่างมาก เช่น ช่วยสร้างพลังงานในเซลล์และช่วยป้องกันความเสียหายออกซิเดชัน

    แม้จะยังไม่มีหลักฐานว่า โคเอ็นไซม์คิว 10 มีประสิทธิภาพในการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรน แต่มีส่วนช่วยลดความถี่ของอาการปวดหัวไมเกรนได้ ซึ่งปริมาณ โคเอ็นไซม์คิว 10 ทั่วไปที่ควรได้รับสูงถึง 100 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวัน และควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเริ่มใช้

    เมลาโทนิน (Melatonin)

    วารสารประสาทวิทยา ประสาทและจิตเวช มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือแสดงให้เห็นว่า เมลาโทนินเป็นสารที่ช่วยในการควบคุมวัฏจักรการนอนหลับ ซึ่งมีส่วนช่วยลดความถี่ในการเกิดไมเกรนได้ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเมลาโทนินมีส่วนช่วยในการป้องกันไมเกรนได้ ซึ่งควรบริโภค 3 มิลลิกรัมต่อวัน

    ความปลอดภัยสำหรับการใช้ วิตามินและอาหารเสริม สำหรับไมเกรน

    ผลิตภัณฑ์และอาหารเสริมส่วนใหญ่นั้นมีความปลอดภัย และได้รับการรับรอง แต่ก่อนซื้อควรตรวจสอบฉลากข้างผลิตภัณฑ์เพื่อดูเครื่องหมายการรับรองว่ามีความปลอดภัยในการใช้ แต่ก่อนใช้วิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ นั้นควรคำนึงถึงเรื่องต่างๆ ดังนี้

    ตรวจสอบกับแพทย์

    ก่อนที่จะเริ่มต้นรับประทานวิตามินและอาหารเสริมใหม่ ๆ ควรปรึกษาแพทย์ที่คุณเข้ารับการศึกษาก่อน เพราะวิตามินบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาที่คุณกำลังรับประทานอยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้

    ตั้งครรภ์

    ผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ควรมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการใช้อาหารเสริม เพราะวิตามินและอาหารเสริมบางชนิดไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์

    มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร

    ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารหรือมีการผ่าตัดทางเดินอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้เพราะร่างกายอาจไม่ดูดซึมสารอาหารได้ดีเหมือนคนส่วนใหญ่

    การใช้อาหารเสริมหรือวิตามินนั้นมักจะไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนถึงจะเห้นผลลัพธ์ แต่หากใช้แล้วอาการไมเกรนกำเริบ หรืออาการแย่ลงควรหยุดใช้ทันที และปรึกษาแพทย์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อาหารเสริมและวิตามินนั้นไม่ได้เหมาะสำหรับและปลอดภัยสำหรับทุกคน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 16/06/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา