backup og meta

ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และมีกลไกการทำงานอย่างไร

ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และมีกลไกการทำงานอย่างไร

ระบบภูมิคุ้มกัน หมายถึง กลไกทางชีวภาพของร่างกายประกอบไปด้วยอวัยวะหลายส่วนซึ่งทำหน้าที่ป้องกัน ต่อสู้ กำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย   และเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจึงควรหมั่นดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่เหมาะสม  นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมต่อสู้กับเชื้อโรค

ส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน

ระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate Immunity)  ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องมนุษย์จากเหล่าสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค ประกอบด้วยอวัยวะและเซลล์ต่าง ๆ ดังนี้

  • เซลล์เม็ดเลือดขาว เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของระบบภูมิคุ้มกัน เปรียบเสมือนกองกำลังซึ่งทำหน้าที่มองหาและทำลายสิ่งผิดปกติ โดยปกติ เซลล์เม็ดเลือดขาวจะไหลเวียนอยู่ในเลือดทั่วร่างกาย หรืออยู่ตามบริเวณเนื้อเยื่อ เซลล์เม็ดเลือดขาวหลายชนิด เช่น ลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ทำหน้าที่ผลิตแอนดิบอดีเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม (เซลล์บี หรือ B Cell) หรือทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็ง (เซลล์ที หรือ T Cell) ฟาโกไซต์ (Phagocyte) หรือเซลล์กลืนกิน เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยปกป้องร่างกายด้วยการกลืนกินสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย
  • ต่อมน้ำเหลือง เป็นต่อมขนาดเล็กมีประมาณ 600 ต่อมอยู่บริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เช่น คอ รักแร้ หน้าท้อง หน้าอก ขาหนีบ มีเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกัน คัดกรองและทำลายเชื้อโรคที่ผ่านเข้ามาอยู่ในน้ำเหลือง
  • ม้าม เป็นอวัยวะรูปทรงคล้ายเม็ดถั่ว เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตและกักเก็บเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกาย นอกจากนี้ ม้ามยังมีหน้าที่กรองและทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเก่าหรือได้รับความเสียหาย
  • ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ (Adenoid) ต่อมทอนซิลจะอยู่บริเวณปาก โพรงจมูก และโคนลิ้น ส่วนต่อมอะดีนอยด์จะอยู่ด้านหลังโพรงจมูก ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายทางจมูกหรือช่องปาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณลำคอหรือปอด
  • ต่อมไทมัส อยู่บริเวณหน้าอก เป็นแหล่งผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ประเภทเซลล์ที
  • ไขกระดูก เป็นเนื้อเยื่อข้างในกระดูก เป็นแหล่งผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว เช่นเดียวกับม้ามและต่อมไทมัส
  • ผิวหนัง อวัยวะอยู่ชั้นนอกสุดซึ่งห่อหุ้มร่างกายและนับเป็นปราการด่านแรกในการดักจับสิ่งแปลกปลอม โดยการผลิตโปรตีนเฉพาะและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อไม่ให้สิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคบางชนิดผ่านเข้าสู่ร่างกายได้

การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เมื่อร่างกายสัมผัสสิ่งแปลกปลอมที่มีสารก่อภูมิต้านทานหรือแอนติเจน (Antigen) เซลล์บี ซึ่งเป็นลิมโฟไซต์แบบหนึ่ง จะผลิตโปรตีนที่เรียกว่าแอนติบอดีขึ้นมา และจดจำสิ่งแปลกปลอมนั้น ๆ หลังจากนั้นเซลล์ทีหรือลิมโฟไซต์อีกประเภท จะรับหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือเซลล์ที่ติดเชื้อ โดยบางครั้ง ลิมโฟไซต์อาจทำงานคู่กับฟาโกไซต์

ในกรณีที่ร่างกายป่วยเป็นโรคเพียงครั้งเดียว เช่น อีสุกอีใส เป็นเพราะร่างกายมีแอนติบอดีของเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุของโรคนั้นอยู่แล้ว เมื่อระบบภูมิคุ้มกันตรวจเจอเชื้อโรค ก็จะรีบทำลายเชื้อโรคทันทีก่อนที่จะเกิดอาการของโรคนั้นอีกครั้ง

วิธีดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีโอกาสอ่อนแอลงได้จากโรคภัยหรือการไม่ดูแลรักษาสุขภาพ ทำให้ป่วยไข้บ่อยครั้งเนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะรับมือและจัดการกับเชื้อโรคได้ เพื่อป้องกันระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • รับประทานอาหารที่เพิ่มความแข็งให้ระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ผัก ผลไม้ เนื่องจากมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ทั้งวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน สังกะสี และหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เพราะการรับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายปริมาณมาก สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและทำหน้าที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายในช่วงเวลานั้นอาจทำให้เจ็บป่วยได้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างเต็มอิ่มช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเป็นปกติ เนื่องจากระหว่างนอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน เพราะการนอนหลับจะช่วยลดความเครียดและรักษาระดับความดันให้เป็นปกติ ผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ควรนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานเป็นปกติ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน โดยใน 1 วัน ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังอาจช่วยช่วยให้หลับสบาย ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้เพียงพอ
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หนึ่งในโรคซึ่งมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรงคือเอดส์ หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) สามารถแพร่กระจายผ่านเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้
  • จัดการความเครียด การมีความเครียดอย่างต่อเนื่องจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อาจสามารถจัดการความเครียดได้หลายวิธี เช่น ออกไปเดินเล่น ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง นั่งสมาธิ ทำงานอดิเรก เล่นกีฬา ฟังเพลง พูดคุยระบายความในใจกับเพื่อนฝูง

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

6 Immune System Busters & Boosters. https://www.webmd.com/cold-and-flu/cold-guide/10-immune-system-busters-boosters#1. Accessed February 8, 2022

How to Use Your Immune System to Stay Healthy. https://www.webmd.com/a-to-z-guides/features/how-use-your-immune-system-stay-healthy. Accessed February 8, 2022

Immune System. https://kidshealth.org/en/parents/immune.html. Accessed February 8, 2022

Overview of the Immune System. https://www.niaid.nih.gov/research/immune-system-overview. Accessed February 8, 2022

The Immune System. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/the-immune-system. Accessed February 8, 2022

The thymus. https://cancer.ca/en/cancer-information/cancer-types/thymus/what-is-thymus-cancer/the-thymus#:~:text=The%20thymus%20is%20a%20small,different%20functions%20in%20the%20body. Accessed February 8, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

14/02/2022

เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

สร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ด้วยสารพันประโยชน์จาก สารเบต้ากลูแคน

วัคซีนที่ควรฉีดช่วงโควิดระบาด ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 14/02/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา