แม้ว่าจะมีการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดแต่สิ่งที่รู้เกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สายพันธุ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ สำหรับผู้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น การทราบถึงอาการของตัวเองตลอดเวลาจึงกลายมาเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองและคนรอบข้าง การเรียนรู้ว่า โอมิครอนมีความร้ายแรงแค่ไหน เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ และการตรวจโควิดด้วยชุดตรวจโควิดด้วยตัวเองช่วยได้หรือไม่ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่อาจช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคได้
[embed-health-tool-vaccination-tool]
โอมิครอนคือตัวบ่งบอกว่าการแพร่ระบาดสิ้นสุดลงแล้วจริงหรือ
การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่รุนแรงมากทำให้ทั่วโลกเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หากถามว่าโอมิครอนมีความร้ายแรงแค่ไหน ก็กล่าวได้ว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่กลับมีอาการที่ไม่ค่อยรุนแรงเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ
ในขณะที่หลาย ๆ คนกล่าวว่า โอมิครอนไม่รุนแรงและอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าการแพร่ระบาดได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดกลับเชื่อว่า อาการป่วยและไวรัสโควิด-19 นั้นจะคงอยู่ตลอดไป และจะกลายเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ตามปกติเช่นเดียวกับไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถกล่าวได้ว่า อาจมีการ กลายพันธุ์อีกครั้ง เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่มีรูปแบบเฉพาะตัว
แม้ว่าโอมิครอนจะรุนแรงน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะระมัดระวังตัวน้อยลงได้ แต่ควรจะเพิ่มการดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพราะโอมิครอนเป็นสายพันธุ์ที่สามารถแพร่กระจายและติดต่อได้อย่างรวดเร็ว แค่การสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยในระยะเวลาสั้น ๆ ก็อาจติดเชื้อดังกล่าวได้
แม้อาการจะไม่รุนแรงและใช้ระยะเวลาฟื้นตัวน้อย แต่โอมิครอนก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การที่มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว แต่ควรใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และตรวจสอบสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง การตรวจโควิดด้วยตัวเองไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องตัวเองเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนรอบข้างปลอดภัยจากการแพร่กระจายของเชื้อ รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการสูญเสียที่ร้ายแรงอีกด้วย
การตรวจโควิด-19 ด้วยตัวเองเป็นประจำในยุค New Normal
เทียบกับอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ แล้ว การติดเชื้อโควิด-19 ถือว่าสามารถตรวจพบได้อย่างง่ายดายด้วยชุดทดสอบที่ใช้งานได้ง่าย แม้การตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR จะเป็นวิธีที่ดีและแม่นยำที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงได้ โดยเฉพาะในด้านของราคาที่อยู่ระหว่าง 2,500 – 4,000 บาทขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล ซึ่งถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง
โชคดีที่ในปัจจุบันมีชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK ออกมาวางจำหน่ายมากมาย การใช้ชุดตรวจด้วยตัวเองโดยการเก็บสารคัดหลั่งทางจมูกถือเป็นการตรวจในเบื้องต้น หากไม่เคยได้รับการตรวจโควิด-19 มาก่อน การเลือกใช้ชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK นี้ถือว่าเป็นวิธีที่ดี แน่นอนว่าการใช้ชุดตรวจด้วยตัวเองครั้งแรกทำให้สับสนเกี่ยวกับวิธีการใช้งานและไม่ชินกับการเก็บตัวอย่าง แต่เมื่อผ่านไปหลาย ๆ ครั้งก็จะพบว่า วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกมาก
ในไม่ช้า โควิด-19 จะกลายมาเป็นโรคประจำถิ่น หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นโรคที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า ในที่สุดแล้วผู้คนทั่วโลกน่าจะต้องได้รับเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายอย่างโอมิครอนอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต การมีชุดตรวจATK ติดที่บ้านไว้จึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ดร. Michael Mina หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ที่ EMed กล่าวว่า ชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วนหรือ ATK นั้น ควรถูกใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าจำเป็นต้องแยกตัว หรือสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้แล้ว เนื่องจากการทดสอบ PCR จะยังคงแสดงผลบวกเป็นเวลานานหลังจากระยะการติดเชื้อ การเลือกใช้ ATK นั้นให้ผลลัพธ์ภายในไม่กี่นาที ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างปลอดภัย เพื่อปกป้องตัวเองและคนรอบข้าง