ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นไวรัสที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง และสามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดายผ่านการไอหรือจาม โดยปกติแล้ว อาการ RSV มักจะไม่รุนแรงและมีอาการคล้ายกับไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอ จาม แต่บางกลุ่มอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้เช่นกัน
เช็ก อาการ RSV
อาการในทารก
RSV เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเด็กส่วนใหญ่ติด RSV อย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนอายุ 2 ปี โดยเฉพาะในเด็กที่อยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก หรืออาจติดจากพี่น้องที่ไปโรงเรียนหรืออยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก
อาการ RSV ในเด็กทารก มีดังนี้
- การหายใจเปลี่ยนแปลงไป หายใจไม่สะดวก
- หงุดหงิดง่าย งอแง
- เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมลดลง
อาการ RSV ที่รุนแรงในเด็กทารก มีดังนี้
- ไอ
- งอแงบ่อย
- อ่อนเพลียอย่างรุนแรง
- กินนมน้อยลง หรือไม่ยอมกินนม
- หายใจถี่ หายใจสั้น
- หายใจลำบากจนกล้ามเนื้อหน้าอกและผิวหนังยุบตัวขณะหายใจ
อาการในผู้ใหญ่
อาการมักคล้ายหวัดทั่วไป โดยส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง
อาการที่พบได้ทั่วไป ได้แก่
- ไอแห้ง ๆ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- มีไข้ต่ำ
- ปวดหัว
- เจ็บคอ
- อ่อนเพลีย
อาการในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุมักจะมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ RSV มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่อายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป
นอกจากอาการทั่วไปแล้ว อาการ RSV ในผู้สูงอายุ อาจมีดังนี้
- ปอดอักเสบ
- อาการของโรคหอบหืดหรือรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ที่รุนแรงขึ้น
RSV อันตรายอย่างไร
โดยปกติแล้ว เด็กและผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีเมื่อติดเชื้อไวรัส RSV ก็มักจะมีแค่อาการเบา ๆ ที่คล้ายกับไข้หวัด แต่อาจก่อให้เกิดอันตรายในเด็กทารกและผู้สูงอายุได้ โดยเฉพาะในทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง
นอกจากนี้ ไวรัส RSV ยังอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น
- ปอดอักเสบ (Pneumonia) ไวรัส RSV อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด และทำให้ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด ส่งผลให้หายใจลำบาก และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
- หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) ไวรัส RSV อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในบริเวณหลอดลมฝอย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในระบบทางเดินหายใจ
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืด หรือปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ที่ติดเชื้อไวรัส RSV อาจมีอาการที่รุนแรงขึ้นเนื่องจากปอดไม่แข็งแรง
- การติดเชื้อไวรัส RSV อาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
การป้องกันไวรัส RSV
การป้องกันตัวเองจากไวรัส RSV ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงและยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เช่น
- ล้างมือบ่อย ๆ
- ปิดปากและจมูกเวลาจาม
- สวมใส่หน้ากากอนามัย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา ปาก และจมูก โดยที่ยังไม่ได้ล้างมือ
- ทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ เช่น โต๊ะ ลูกบิดประตู ราวจับบันได
- หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด คนเยอะ
- อย่าใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ แปรงสีฟัน และอย่าดื่มน้ำในแก้วเดียวกันกับผู้อื่น
- ทำความสะอาดของเล่นเด็ก และพื้นที่ที่เด็กอยู่เป็นประจำ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวัคซีน RSV
คำถามที่ 1 วัคซีน RSV ต้องฉีดทุกปีไหม? ใครบ้างที่ควรฉีด?
ไม่จำเป็นต้องฉีดทุกปี ผู้ที่ควรฉีดวีคซีน RSV คือผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ควรฉีดวัคซีนเพื่อช่วยปกป้องทารกในครรภ์
- ผู้ใหญ่ที่อายุระหว่าง 60-74 ปี ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรงจากไวรัส RSV
- ผู้สูงอายุที่มีอายุ 75 ปีขึ้นไป
คำถามที่ 2 วัคซีน RSV ควรฉีดช่วงไหน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือในช่วงต้นฤดูฝนที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส RSV แต่ช่วงอื่นก็สามารถฉีดได้เช่นกัน