น้ำตาลในเลือดสูง คือ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวาน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน เช่น ตาพร่ามัว ต้อกระจก เส้นประสาทเสียหาย ไตวาย และภาวะเลือดเป็นกรด ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการโคม่าและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
[embed-health-tool-bmi]
น้ำตาลในเลือดสูง เกิดจากอะไร
น้ำตาลในเลือดสูง อาจเกิดจากร่างกายได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและแป้งในปริมาณมาก เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะถูกร่างกายย่อยเปลี่ยนเป็นกลูโคสที่เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน แต่หากรับประทานมากเกินไปและมีพฤติกรรมที่ขาดการเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายร่วมด้วยก็อาจทำให้น้ำตาลไม่ถูกเผาผลาญ จนสะสมในกระแสเลือดมากนำไปสู่น้ำตาลในเลือดสูงได้
นอกจากนี้ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงยังอาจเกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินเพื่อเปลี่ยนน้ำตาลจากอาหารให้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงพอ จึงทำให้มีน้ำตาลสะสมอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณมาก ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง มีดังนี้
อาการทั่วไป
- ปัสสาวะบ่อย
- กระหายน้ำมาก
- มองเห็นเป็นภาพซ้อน
- ปวดศีรษะ
- เหนื่อยล้าง่าย
- น้ำหนักลดลงกะทันหัน
- ไม่มีสมาธิ
อาการรุนแรง
- ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้
- ปากแห้ง
- ผิวแห้ง
- หายใจถี่ หายใจเร็ว
- เท้าชา มือชา
- ผมร่วง
- ปวดท้อง ท้องผูกหรือท้องร่วง
- แผลหายช้า
- ติดเชื้อทางช่องคลอดและผิวหนัง
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
อาการที่ควรพบคุณหมอ
- มีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง
- ท้องร่วงและอาเจียนรุนแรง
- ปัสสาวะบ่อย
- ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 240 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ภาวะแทรกซ้อนเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง
หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ดังต่อไปนี้
ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- เส้นประสาทได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย
- ไตวาย
- ต้อกระจก ตาพร่ามัว และอาจส่งผลให้ตาบอดได้ เนื่องจากหลอดเลือดบริเวณจอประสาทตาถูกทำลาย
- ปัญหากระดูกและข้อต่อ
- การติดเชื้อที่เหงือกและฟัน
- การติดเชื้อที่ผิวหนังอย่างรุนแรง เนื่องจากเส้นประสาทและหลอดเลือดถูกทำลาย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดบาดแผลเรื้อรังและการติดเชื้อจนอาจจำเป็นต้องตัดแขนและขา
ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
- ภาวะเลือดเป็นกรด (Ketoscidosis) คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์เป็นกรดออกมาในกระแสเลือดปริมาณมาก ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- ภาวะโคม่าจากน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemic Hyperosmolar Syndrome: HHS) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตอินซูลินแต่เซลล์กล้ามเนื้อไม่สามารถดึงอินซูลินมาใช้ ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดเป็นพลังงานได้ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 1,000 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยอาจสังเกตได้จากอาการปัสสาวะบ่อย ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
วิธีลดระดับน้ำตาลในเลือดสูง
วิธีลดระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจทำได้ดังนี้
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และจดบันทึกค่าน้ำตาลในเลือด หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจหมายความว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่คุณหมอกำหนด โดยเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ไขมันดี และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น ผักคะน้า บร็อคโคลี่ มะเขือเทศ แอปเปิ้ล กล้วย กะหล่ำปลี ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก ปลาซาร์ดีน อัลมอนด์ อะโวคาโด
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และมีน้ำตาลสูง เช่น ข้าวขาว เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารแปรรูป ขนมหวาน ของทอด น้ำผลไม้แปรรูป น้ำอัดลม เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้
- ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายขับน้ำตาลส่วนเกินออกในรูปปัสสาวะ
- ออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลิน และอาจช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน ที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ตรวจสุขภาพประจำปี