backup og meta

น้ำตาลในเลือดสูง อาการ และวิธีลดระดับน้ำตาลในเลือด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 14/03/2023

    น้ำตาลในเลือดสูง อาการ และวิธีลดระดับน้ำตาลในเลือด

    น้ำตาลในเลือดสูง คือ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่การเกิดโรคเบาหวาน และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวาน เช่น ตาพร่ามัว ต้อกระจก เส้นประสาทเสียหาย ไตวาย และภาวะเลือดเป็นกรด ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการโคม่าและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

    น้ำตาลในเลือดสูง เกิดจากอะไร

    น้ำตาลในเลือดสูง อาจเกิดจากร่างกายได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและแป้งในปริมาณมาก เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะถูกร่างกายย่อยเปลี่ยนเป็นกลูโคสที่เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน แต่หากรับประทานมากเกินไปและมีพฤติกรรมที่ขาดการเคลื่อนไหวหรือการออกกำลังกายร่วมด้วยก็อาจทำให้น้ำตาลไม่ถูกเผาผลาญ จนสะสมในกระแสเลือดมากนำไปสู่น้ำตาลในเลือดสูงได้ 

    นอกจากนี้ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงยังอาจเกิดจากการที่ตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หรือเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินเพื่อเปลี่ยนน้ำตาลจากอาหารให้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงพอ จึงทำให้มีน้ำตาลสะสมอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณมาก ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

    อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

    อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง มีดังนี้

    อาการทั่วไป

    • ปัสสาวะบ่อย
    • กระหายน้ำมาก
    • มองเห็นเป็นภาพซ้อน
    • ปวดศีรษะ
    • เหนื่อยล้าง่าย
    • น้ำหนักลดลงกะทันหัน
    • ไม่มีสมาธิ

    อาการรุนแรง

    • ลมหายใจมีกลิ่นคล้ายผลไม้
    • ปากแห้ง
    • ผิวแห้ง
    • หายใจถี่ หายใจเร็ว
    • เท้าชา มือชา
    • ผมร่วง
    • ปวดท้อง ท้องผูกหรือท้องร่วง
    • แผลหายช้า
    • ติดเชื้อทางช่องคลอดและผิวหนัง
    • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

    อาการที่ควรพบคุณหมอ

    • มีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง
    • ท้องร่วงและอาเจียนรุนแรง
    • ปัสสาวะบ่อย
    • ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 240 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

    ภาวะแทรกซ้อนเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง

    หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ดังต่อไปนี้

    ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว

    • โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • เส้นประสาทได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย
    • ไตวาย
    • ต้อกระจก ตาพร่ามัว และอาจส่งผลให้ตาบอดได้ เนื่องจากหลอดเลือดบริเวณจอประสาทตาถูกทำลาย
    • ปัญหากระดูกและข้อต่อ
    • การติดเชื้อที่เหงือกและฟัน
    • การติดเชื้อที่ผิวหนังอย่างรุนแรง เนื่องจากเส้นประสาทและหลอดเลือดถูกทำลาย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดบาดแผลเรื้อรังและการติดเชื้อจนอาจจำเป็นต้องตัดแขนและขา

    ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

  • ภาวะเลือดเป็นกรด (Ketoscidosis) คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์เป็นกรดออกมาในกระแสเลือดปริมาณมาก ทำให้เลือดมีภาวะเป็นกรด ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
  • ภาวะโคม่าจากน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemic Hyperosmolar Syndrome: HHS) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตอินซูลินแต่เซลล์กล้ามเนื้อไม่สามารถดึงอินซูลินมาใช้ ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดเป็นพลังงานได้ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 1,000 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยอาจสังเกตได้จากอาการปัสสาวะบ่อย ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
  • วิธีลดระดับน้ำตาลในเลือดสูง

    วิธีลดระดับน้ำตาลในเลือดสูง อาจทำได้ดังนี้

    • ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และจดบันทึกค่าน้ำตาลในเลือด หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจหมายความว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง
    • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่คุณหมอกำหนด โดยเน้นการรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ไขมันดี และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น ผักคะน้า บร็อคโคลี่ มะเขือเทศ แอปเปิ้ล กล้วย กะหล่ำปลี ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก ปลาซาร์ดีน อัลมอนด์ อะโวคาโด
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และมีน้ำตาลสูง เช่น ข้าวขาว เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารแปรรูป ขนมหวาน ของทอด น้ำผลไม้แปรรูป น้ำอัดลม เพราะอาหารเหล่านี้อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้
    • ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ เพื่อให้ร่างกายขับน้ำตาลส่วนเกินออกในรูปปัสสาวะ
    • ออกกำลังกาย อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลิน และอาจช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน ที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
    • ตรวจสุขภาพประจำปี

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 14/03/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา