ชาปลายนิ้ว เบาหวาน เป็นภาวะเเทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการที่ปล่อยให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง ส่งผลให้เส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของมือและเท้าเสียหายทำให้มีอาการชาและสูญเสียการรับความรู้สึกที่ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้าได้ ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือ ปวดแปล๊บคล้ายไฟช๊อต ได้เช่นกัน การรักษาภาวะนี้ จะเน้นที่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย ร่วมกับ คุณหมออาจให้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เเละให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
ชาปลายนิ้ว เบาหวานเกิดจากอะไร
ชาปลายนิ้ว เบาหวาน เป็นอาการที่เกิดจากภาวะปลายประสาทเสื่อม (Peripheral neuropathy) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่พบได้บ่อยในผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี เกิดจากเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังเป็นเวลานาน น้ำตาลส่วนเกินจะทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาท จึงส่งผลให้เส้นประสาทรับความรู้สึกเสียหาย โดยมักเริ่มมีอาการกับเส้นประสาทส่วนปลายก่อน ส่งผลให้สูญเสียการรับความรู้สึกบริเวณปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า
อาการชาปลายนิ้ว เบาหวาน เป็นอย่างไร
อาการชาปลายนิ้ว เบาหวาน และอาการอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมากจากภาวะปลายประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน อาจมีดังนี้
- รู้สึกเสียวแปล๊บ คล้ายไฟช๊อต หรือ และชาที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า
- ปวดและไม่สบาย ที่ มือเเละเท้า โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
- มีแผลโดยไม่ทันรู้ตัว เนื่องจากการรับความรู้สึกผิดปกติไป จึงไม่รู้สึกเจ็บ/ปวด เมื่อมีแผล
- รู้สึกปวดแสบ/ร้อนตามปลายมือ เท้า
- การรับรู้อุณหภูมิ ร้อน-เย็น ผิดปกติไป
- เวียนศีรษะขณะยืน หรือ เปลี่ยนท่าท่าว
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
ปัจจัยเสี่ยงเกิดอาการ ชาปลายนิ้ว เบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานล้วนมีความเสี่ยงในการเกิดอาการชาปลายนิ้วมือ เบาหวาน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่อไปนี้ เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเส้นประสาทเสียหายได้
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้รับการรักษาโรคเบาหวานอย่างเหมาะสม หรือ ยังไม่ปรับพฤติกรรมสุขภาพของตนให้ดี อาจทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง จนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน รวมไปถึงอาการชาปลายนิ้ว เบาหวาน ได้
- ระยะเวลาที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมาเป็นระยะเวลานานอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเส้นประสาทเสียหาย โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายของตัวเองได้
- เป็นโรคไตจากโรคเบาหวาน หากไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เหมาะสมอย่างเรื้อรัง นอกจากจะทำให้เส้นประสาทได้รับความเสียหายเเล้ว ยังทำให้เกิดภาวะไตเสื่อม หรือ ไตวายเรื้อรัง ซึ่งทำให้ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกทางปัสสาวะได้ตามปกติ จีงนับเป็นการเพิ่มคสามเสี่ยงของอาการชาปลายนิ้วได้
- มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีน้ำหนักเกินหรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 25 ขึ้นไปอาจเสี่ยงเกิดอาการชาปลายนิ้ว เบาหวาน ได้
- สูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่ส่งผลทำให้หลอดเลือดแดงตีบและหนาขึ้น ลือดจึงไปหล่อเลี้ยงมือและเท้าได้น้อยลง จึงทำให้ทั้งเนื้อเยื่อเเละเส้นประสาทส่วนปลายขาดเลือด จนเกิดอาการชาได้
วิธีรักษาอาการ ชาปลายนิ้วมือ เบาหวาน
หากเส้นประสาทเสื่อมจากเบาหวานแล้วจะไม่รักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ การรักษาอาการชาปลายนิ้วมือจึงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการที่เป็นอยู่และป้องกันมิให้เกิดอาการเพิ่มเติม ด้วยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร รวมถึงการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดปลายนิ้วด้วยตนเองเป็นประจำเพื่อให้ทราบถึงระดับน้ำตาลของตนในชีวิตประจำวัน ซึ่งบ่งบอกถึงว่า การปรับพฤติกรรมสุขภาพ เเละ ยารักษาโรคเบาหวาน นั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะช่วยให้อาการชาที่เป็นอยู่ดีขึ้นบางส่วน และป้องกันมิให้เส้นประสาทเสียหายเพิ่มเติมได้
ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการชา ควรรีบปรึกษาคุณหมอเพื่อรับการรักษา เเละ คำเเนะนำเพิ่มเติมในการดูเเลสุขภาพนอกจากนี้คุณหมออาจแนะนำให้ดูแลสุขภาพองค์รวม ควบคุมระดับไขมันในเลือดและความดันโลหิตร่วมด้วย รวมทั้ง คุณหมอยังอาจสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการที่เกิดจากเส้นประสาทเสื่อมให้ด้วย