การปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน เป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เนื่องจากตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตอินซูลินที่สำคัญต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย ดังนั้น การปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อนอาจทำให้ระบบเผาผลาญกลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเพื่อเข้ารับการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1
ทำไมจึงต้องปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน
ตับอ่อน (Pancreas) มีความสำคัญต่อร่างกายในการย่อยสลายอาหารเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน โดยเบต้าเซลล์ในตับอ่อนมีหน้าที่ผลิตอินซูลินที่สำคัญช่วยควบคุมและไม่ให้สูงจนเกินไป แต่ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ การปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อนจึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเมื่อร่างกายมีตับอ่อนที่สามารถผลิตอินซูลินใช้เองได้ผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อินซูลินเพื่อรักษาอีกต่อไป
ความเสี่ยงของ การปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน
ภาวะแทรกซ้อน
การผ่าตัดปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อนอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น
- เลือดอุดตันในเส้นเลือด
- เลือดออกผิดปกติ
- ติดเชื้อ
- มีปัญหาการเผาผลาญน้ำตาล ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
- ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- ร่างกายอาจปฏิเสธตับอ่อนใหม่
ผลข้างเคียงของยาต่อต้านการปฏิเสธตับอ่อน
หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องกินยาไปตลอดชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายปฏิเสธตับอ่อนใหม่ โดยยาอาจมีผลข้างเคียง ดังนี้
- อาจทำให้กระดูกบางลง สาเหตุของโรคกระดูกพรุน
- คอเลสเตอรอลสูง
- ความดันโลหิตสูง
- ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน
- ความไวต่อแสงแดด
- อาการบวม
- น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- เหงือกบวม
- เป็นสิว
- ผมร่วงมาก
การเตรียมตัวก่อนปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน
หากต้องการปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อนคุณควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำเบื้องต้น และความเสี่ยงที่อาจจะเกิด จากนั้นแพทย์จะตรวจสอบร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายพร้อมที่จะได้รับการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อนหรือไม่
การดูแลตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ควรดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมก่อนเข้ารับการรักษา ตามวิธีดังนี้
- ทานยาตามที่แพทย์กำหนด
- ควบคุมโภชนาการอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- เข้าพบหมอตามตารางนัดอยู่เสมอ
- สร้างสุขภาพจิตและอารมณ์ให้แจ่มใส
ผลหลังการปลูกถ่ายเซลล์ตับอ่อน
หลังการปลูกถ่ายตับอ่อนสำเร็จตับอ่อนใหม่จะสามารถสร้างอินซูลินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยไม่ต้องใช้ยาอินซูลินเพื่อรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องกินยาเพื่อป้องกันการปฏิเสธตับอ่อนใหม่ร่วมด้วย แต่ถ้าหากมีอาการปวดท้อง เป็นไข้ อาเจียน ปัสสาวะลดลง ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ควรรีบพบคุณหมอ เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณกำลังปฏิเสธตับอ่อน .
ปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 มากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับฟังคำแนะนำและแนวทางการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 อย่างถูกต้อง
[embed-health-tool-bmi]