HPV (Human Papillomavirus) คือไวรัสที่ติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย อีกทั้งยังอาจนำไปสู่การเกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งลำคอ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจคิดว่า HPV ส่งผลกระทบแค่กับผู้หญิงเท่านั้น จึงมองข้ามความสำคัญของการฉีดวัคซีน hpv สำหรับผู้ชายไปได้ บทความนี้จึงอยากจะมาแก้ไขความเข้าใจผิด และนำเสนอให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชาย
[embed-health-tool-vaccination-tool]
HPV ส่งผลอะไรต่อผู้ชาย
เชื้อไวรัส HPV เป็นเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดย แบ่งเป็นสายพันธุ์เสี่ยงต่ำ และสายพันธุ์เสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเพศชาย ดังนี้
มะเร็งทวารหนัก
มะเร็งทวารหนักเกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 และ 18 ซึ่งทำให้เซลล์บริเวณทวารหนักเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเป็นมะเร็งได้
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV
- ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย
- การมีคู่นอนหลายคน
อาการที่พบบ่อยคือ เลือดออกจากทวารหนัก ปวดหรือกดเจ็บในบริเวณนั้น และรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อ
การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีน HPV การตรวจคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง และการใช้ถุงยางอนามัย
มะเร็งองคชาต
มะเร็งองคชาตเกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 และ 18 ทำให้เซลล์บริเวณผิวหนังและเยื่อบุขององคชาตเปลี่ยนแปลงจนพัฒนาเป็นมะเร็งได้
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- การไม่ขลิบหนังหุ้มปลาย ซึ่งอาจสะสมเชื้อโรคได้มากขึ้น
- การสูบบุหรี่
- ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
อาการที่พบบ่อยคือการเกิดรอยโรคที่องคชาต เช่น ก้อนเนื้อหรือแผลที่ไม่หาย มีกลิ่นผิดปกติ หรือเลือดออก
การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีน HPV รักษาสุขอนามัย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อให้สามารถตรวจพบรอยโรคตั้งแต่ระยะแรก
มะเร็งช่องปากและคอหอย
มะเร็งช่องปากและคอหอย เกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 ซึ่งสามารถถ่ายทอดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ทำให้เซลล์ในบริเวณลำคอหรือช่องปากเปลี่ยนแปลงจนพัฒนาเป็นมะเร็ง
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- การมีคู่นอนหลายคน
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์มาก
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
อาการที่พบบ่อยคือเจ็บคอเรื้อรัง กลืนลำบาก เจ็บหู เสียงแหบ หรือมีก้อนในลำคอ
การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีน HPV และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
หูดที่อวัยวะเพศ
หูดที่อวัยวะเพศเกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงต่ำ เช่น HPV 6 และ 11 ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อ
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
- การมีคู่นอนหลายคน
- การไม่ใช้ถุงยางอนามัย
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
อาการคือการเกิดตุ่มหรือก้อนนูนที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือบริเวณใกล้เคียง อาจมีลักษณะเป็นตุ่มเดี่ยวหรือกลุ่ม คล้ายดอกกะหล่ำ แต่โดยทั่วไปไม่เจ็บปวด
การรักษาทำได้ด้วยยาทา การจี้ไฟฟ้า หรือการผ่าตัด และการฉีดวัคซีน HPV สามารถป้องกันได้
นอกจากนี้ หลายคนที่ติดเชื้อ HPV อาจไม่แสดงอาการใด ๆ แต่กลับเป็นพาหะนำเชื้อ HPV และถ่ายทอดไปสู่ผู้อื่นได้หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย
ผู้ชายควรฉีดวัคซีน hpv ไหม
ผู้ชายควรฉีดวัคซีน HPV เนื่องจากการฉีดวัคซีนช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ HPV และลดการแพร่เชื้อได้ โดยเฉพาะมะเร็งและหูดที่อวัยวะเพศ รวมถึงช่วยป้องกันการแพร่เชื้อสู่คู่ครอง จึงเป็นสิ่งที่แนะนำสำหรับผู้ชายทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับวัคซีน
- ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM)
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV
- ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนในช่วงวัยเด็ก
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฉีดวัคซีน HPV
- แนะนำ: ช่วงอายุ 9-12 ปี (ก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์)
- สำหรับผู้ใหญ่: อายุตั้งแต่ 13-26 ปี ยังสามารถฉีดได้ หากยังไม่ได้รับวัคซีน
- บางกรณี: ผู้ชายอายุ 27-45 ปี สามารถฉีดได้หากมีความเสี่ยงสูง