เวลาที่ท้องผูก ขับถ่ายไม่สะดวก หลายคนอาจเลือกซื้อยาระบายมากิน เพราะสามารถกระตุ้นการขับถ่ายได้อย่างรวดเร็ว แต่ยาระบายประเภทนี้ ควรใช้แค่เป็นครั้งคราวเท่านั้น เพราะหากคุณใช้บ่อยเกินไป หรือใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดการดื้อยา และส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี วันนี้ Hello คุณหมอ เลยมีตัวเลือกที่อาจเหมาะสมกับคุณมากกว่า อย่าง ยาระบายจากธรรมชาติ มาแนะนำให้คุณลองกินเมื่อเกิดอาการท้องผูก รับรองว่า คุณจะขับถ่ายได้ดีขึ้น แถมยังดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วย
ยาระบายจากธรรมชาติ ที่คุณควรลอง
ลูกพรุน
ลูกพรุน คือลูกพลัมตากแห้ง อุดมไปด้วยไฟเบอร์หรือใยอาหารซึ่งส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย ไฟเบอร์ในลูกพรุนเป็นไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ (Insoluble Fiber) เรียกว่าเซลลูโลส (Cellulose) ที่ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอุจจาระ อีกทั้งเมื่อไฟเบอร์ในลูกพรุนถูกจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่หมักจนกลายเป็นกรดไขมันสายสั้น (Short chain fatty acid) ก็จะช่วยให้อุจจาระเป็นก้อน และขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ในลูกพรุนยังมีน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า ซอร์บิทอล (Sorbitol) ซึ่งร่างกายของเราดูดซึมได้ไม่ดีนัก จึงช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ใหญ่ และมีฤทธิ์เป็นยาระบายได้ในบางคน
ผลไม้ตระกูลส้ม
ผลไม้ตระกูลส้ม หรือผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มโอ มะนาว เลมอน เกรปฟรุต ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งไฟเบอร์ชั้นดี โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ที่ชื่อว่า เพกติน (Pectin) ที่ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนที่ภายในลำไส้ด้วยเวลาที่เหมาะสม ไม่เร็วหรือช้าเกินไป อาการท้องผูกของคุณจึงลดลง
งานศึกษาวิจัยในสัตว์หลายชิ้นเผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในผลไม้ตระกูลส้มที่เรียกว่า นารินเจนิน (Naringenin) ที่ช่วยเพิ่มการหลั่งของเหลวในลำไส้ใหญ่ และส่งผลเหมือนยาระบาย ทำให้สัตว์ทดลองขับถ่ายได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน งานวิจัยเกี่ยวกับประเด็นนี้ในมนุษย์ยังมีไม่มากพอ จึงต้องมีการศึกษาวิจัยกันเพิ่มเติมต่อไป เพื่อที่จะได้มีข้อมูลเพียงพอในการยืนยันว่าจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันหรือไม่
ผักใบเขียวเข้ม
ผักใบเขียวเข้ม เช่น เคล คะน้า ผักโขม ปวยเล้ง กะหล่ำปลี อุดมไปด้วยไฟเบอร์และแมกนีเซียม ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ช่วยให้อุจจาระเป็นก้อน อ่อนนุ่ม และมีน้ำหนักมากขึ้น จึงสามารถเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้คุณขับถ่ายได้สะดวก ท้องไม่ผูก
มันหวาน
มันหวานก็เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีไฟเบอร์สูงมาก ทั้งไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอย่างเพกติน และไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำอย่าง เซลลูโลสและลิกนิน (Lignin) โดยงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของการกินมันหวานในช่วงทำเคมีบำบัดชิ้นหนึ่ง พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่กินมันหวาน 200 กรัมติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน มีอาการท้องผูก จุกเสียด แน่นท้องน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินมันหวาน
แม้มันหวานจะมีฤทธิ์เป็นยาระบายจากธรรมชาติ แต่คนบางกลุ่มก็อาจต้องบริโภคมันหวานอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะคนที่เคยมีนิ่วในไต เพราะในมันหวานมีออกซาเลต (Oxalate) ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดนิ่วแคลเซียมออกซาเลตในไตได้
แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งช่วยในการขับถ่าย การกินแอปเปิ้ลขนาดกลางพร้อมเปลือก (ประมาณ 182 กรัม) จะให้ไฟเบอร์ 4.4 กรัม ซึ่งคิดเป็น 17% ของปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ไฟเบอร์ส่วนใหญ่ในแอปเปิ้ลเป็นไฟเบอร์ชนิดเพกตินที่จะถูกหมักอยู่ในลำไส้โดยจุลินทรีย์ จนเกิดเป็นกรดไขมันชนิดสายสั้นที่ช่วยดูดซึมน้ำเข้าสู่ลำไส้ จึงทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มขึ้น และช่วยลดเวลาในการเดินทางของอุจจาระในลำไส้ด้วย
กาแฟ
สำหรับบางคน การดื่มกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟชนิดที่มีคาเฟอีน นอกจากจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังกระตุ้นกล้ามเนื้อในระบบย่อยอาหาร จนทำให้คุณรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำด้วย โดยผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กาแฟที่มีคาเฟอีนสามารถกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้เช่นเดียวกับอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อ นอกจากนี้ กาแฟยังมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำในปริมาณเล็กน้อย ไฟเบอร์จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ จึงป้องกันอาการท้องผูกได้
ท้องผูกถึงขั้นนี้ รีบไปพบคุณหมอดีกว่า
อาหารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายจากธรรมชาติที่เราแนะนำข้างต้น สามารถช่วยลดอาการท้องผูกได้ เมื่อคุณกินเป็นประจำ ในปริมาณที่เหมาะสม แม้จะไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างฉับพลันเหมือนยาระบาย แต่ก็ดีต่อสุขภาพลำไส้ และสุขภาพโดยรวมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ยาระบายตามธรรมชาติเหล่านี้ อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ในระดับเบาถึงระดับระดับปานกลางเท่านั้น หากคุณท้องผูกเรื้อรัง ท้องผูกรุนแรง หรือมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบคุณหมอทันที อย่าปล่อยไว้
- ปวดเกร็งท้องแบบฉับพลัน และผายลมไม่ออก
- อุจจาระมีเลือดปน
- เจ็บทวารหนัก
- ปวดท้อง และท้องอืดรุนแรง
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เดี๋ยวท้องผูก เดี๋ยวท้องเสีย
[embed-health-tool-bmr]