บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมาทำความรู้จักกับ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ให้มากขึ้นกันค่ะ เนื่องจากแต่ละตัวยาจะมีประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันไป โดยผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาเพื่อรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูงเท่านั้น แต่จะมียาอะไรบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลยค่ะ
ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง มียาอะไรบ้าง?
ในเบื้องต้นแพทยืมักจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงปรัยเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการใช้ยาเพื่อช่วยลดระดับความดันโลหิต โดยแต่ละตัวยาจะมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป ดังต่อไปนี้
- ยาขับปัสสาวะกลุ่มไทอะไซด์ (Thiazide diuretics)
นอกจากที่รู้จักกันในชื่อของยาขับน้ำแล้ว ยาขับปัสสาวะนั้นยังสามารถลดความดันโลหิตของคุณได้ด้วยการช่วยให้ไตกำจัดน้ำและเกลือ ยาขับปัสสาวะมักจะเพิ่มปริมาณของปัสสาวะ
- ยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta blockers)
ยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ทำงานโดยการขยายหลอดเลือด ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และทำให้ลดการทำงานของหัวใจ ยาอะซีบูโทลอล (Acebutolol) อย่าง เซคทรัล (Sectral) และยาอะทีโนลอล (atenolol) อย่าง เทนอร์มิน (Tenormin) เป็นยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ที่พบได้มากที่สุด ควรสั่งยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ร่วมกับยาอื่น เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุด
- ยาในกลุ่มยับยั้งเอนไซม์แองจิโอเทนซินคอนเวอร์ติง (Angiotensin-converting enzyme inhibitors)
ยานี้จะช่วยป้องกันการอุดตันภายในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยาย ผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง จำเป็นต้องใช้ยายับยั้งเอนไซม์แองจิโอเทนซินคอนเวอร์ติง
- ยาในกลุ่มแองจิโอเทนซินทูรีเซฟเตอร์บล็อกเกอร์ (Angiotensin II receptor blockers)
ยาในกลุ่มแองจิโอเทนซินทูรีเซฟเตอร์บล็อกเกอร์นั้น ทำหน้าที่เช่นเดียวกันกับยายับยั้งเอนไซม์แองจิโอเทนซินคอนเวอร์ติง หากผู้ป่วยไม่มีการตอบสนองต่อยายับยั้งเอนไซม์แองจิโอเทนซินคอนเวอร์ติง ก็มักจะใช้ยาในกลุ่มแองจิโอเทนซินทูรีเซฟเตอร์บล็อกเกอร์มาทดแทน
- ยาในกลุ่มแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Calcium channel blockers)
ยาในกลุ่มแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์นั้น จะขยายหลอดเลือด ทำให้ลดแรงดันภายในหลอดเลือด ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก็คือ อาการไมเกรน ข้อต่อบวม และท้องผูก ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับการรับประทานน้ำเกรฟฟรุต เนื่องจากอาจทำให้ความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้น
- ตัวยับยั้งเรนิน (Renin inhibitors)
ตัวยับยั้งเรนินนั้นจะขัดขวางการผลิตเรนิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ไม่ควรใช้ตัวยับยั้งเรนินร่วมกับยายับยั้งเอนไซม์แองจิโอเทนซินคอนเวอร์ติง หรือยาในกลุ่มแองจิโอเทนซินทูรีเซฟเตอร์บล็อกเกอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง นอกเหนือจากยาที่กล่าวมาด้านบนแล้ว คุณอาจจะสามารถใช้ยาชนิดอื่นเพื่อให้ได้ระดับของความดันโลหิตที่คุณต้องการ เช่น
- ยาในกลุ่มอัลฟ่า-บล็อกเกอร์ (Alpha blockers) เพื่อลดกระแสประสาท
- ยาในกลุ่มอัลฟ่า-เบต้าบล็อกเกอร์ (Alpha-beta blockers) เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจและปริมาณของเลือดที่ไหลเข้าสู่หลอดเลือด
- ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง (Central-acting agents) เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบประสาทไปเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
- ยาขยายหลอดเลือด (Vasodilators) เพื่อป้องกันการหดเกร็งของผนังหลอดเลือด
- ยาอัลดอสเตอโรน แอนตาโกนิสต์ (Aldosterone antagonists) เพื่อลดการสะสมน้ำและเกลือ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงนั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งมีวิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและลดความเค็มในอาหาร
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- จำกัดปริมาณการดื่มสุราและสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนัก
ภาวะความดันโลหิตสูงนั้นเป็นสภาวะที่สามารถจัดการได้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต และรับประทานยา สามารถช่วยให้คุณรักษาสุขภาพที่ดีไว้ได้ และควรไปหาแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลเป็นประจำ แม้ว่าระดับความดันโลหิตของคุณนั้น จะลงมาอยู่ระดับที่ต้องการแล้วก็ตาม