backup og meta

DFIU คือ อะไร สาเหตุ อาการ และการรักษา

DFIU คือ อะไร สาเหตุ อาการ และการรักษา

DFIU (Death Fetus In Utero) คือ การตายของทารกในครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 20-28 สัปดาห์ขึ้นไป หรืออาจตายหลังจากคลอดออกมาทันที โดยอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไม่ฝากครรภ์ ปัญหารกและสายสะดือ การติดเชื้อ ตั้งครรภ์เกินกำหนด ความผิดปกติของโครโมโซม เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งภาวะนี้ต้องได้รับการรักษาด้วยการยุติการตั้งครรภ์หรือเร่งคลอด และคุณแม่ที่สูญเสียลูกจำเป็นต้องได้รับการดูแลร่างกายและสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด รวมทั้งหาสาเหตุเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป

[embed-health-tool-due-date]

DFIU คือ อะไร

DFIU คือ การตายของทารกในครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 หรือมีอายุครรภ์ตั้งแต่ 20-28 สัปดาห์ขึ้นไป หรือเด็กที่ตายหลังจากคลอดออกมาโดยมีน้ำหนักตั้งแต่ 1,000 กรัมขึ้นไป โดยการตายของทารกในครรภ์อาจแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้

  • ทารกตายก่อนระยะคลอด (Early Stillbirth) เกิดขึ้นระหว่างอายุครรภ์ 20-27 สัปดาห์
  • ทารกตายในระยะคลอดล่าช้า (Late Stillbirth) เกิดขึ้นระหว่างอายุครรภ์ 28-36 สัปดาห์
  • ทารกตายในระยะคลอด (Term Stillbirth) เกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ 37 สัปดาห์เป็นต้นไป

สาเหตุของ DFIU

การตายของทารกในครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และอาจไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างชัดเจน เนื่องจากการตายของทารกในครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  • ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดของทารกในครรภ์
  • การติดเชื้อของทารกในครรภ์
  • ความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกในครรภ์
  • ภาวะเลือดทารกเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตของมารดา (Fetomaternal Hemorrhage หรือ FMH)
  • การติดเชื้อของมารดา
  • ความผิดปกติของรก เช่น รกลอกตัวก่อนกำหนด รกเกาะต่ำ
  • ความผิดปกติของสายสะดือ เช่น สายสะดือบิดเป็นเกลียวหรือเป็นปม สายสะดือพันแน่นรอบคอแขนและขาของทารกในครรภ์
  • ภาวะรกเสื่อม (Placental Insufficiency)
  • ปัญหาระหว่างคลอด

นอกจากนี้ ปัจจัยบางประการอาจทำให้ทารกมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในครรภ์ได้ ดังนี้

  • ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุ 35 ปีขึ้นไป
  • เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนดหรือแท้งบุตร
  • ตั้งครรภ์ทารกแฝด
  • โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
  • ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
  • เป็นโรคอ้วนขณะตั้งครรภ์
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติด หรือสูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์

อาการของ DFIU

อาการตายของทารกในครรภ์ที่พบได้บ่อย อาจมีดังนี้

  • ตะคริว (Cramping) ซึ่งเป็นอาการมดลูกเกร็งตัว ทำให้มีอาการปวดและกล้ามเนื้อเป็นก้อนแข็งอย่างฉับพลัน
  • ทารกในครรภ์ไม่ดิ้น
  • ปวดท้อง
  • น้ำหนักลดลง เต้านมมีขนาดเล็กลง
  • มีไข้ ไม่สบายตัว
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด

การรักษา DFIU คือ

เมื่อตรวจพบภาวะเด็กเสียชีวิตในครรภ์ จะต้องรักษาโดยการยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ และสุขภาพผู้ป่วย โดยต้องมีการประเมินก่อนว่ามีการเสียชีวิตในครรภ์มานานเท่าไหร่จากการทำ ultrasound ดูลักษณะเด็กในครรภ์ หากพบว่ามีการเสียชีวิตมานานแล้วโดยเฉพาะในอายุครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสที่2เป็นต้นไป อาจจะเพิ่มความเสี่ยงเรื่องภาวะเลือดไม่แข็งตัวกับหญิงที่ตั้งครรภ์ได้ ซึ่งต้องทำการแก้ไขก่อนที่จะเริ่มยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีการยุติการตั้งครรภ์อาจจะมีวิธีต่าง ๆ ดังนี้ 

  • การขยายปากมดลูกเอาเด็กออก (Dilatation and Evacuation หรือ D&E) สำหรับการตายของทารกในครรภ์ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 14 สัปดาห์ ซึ่งอาจแบ่งเป็นขั้นตอนการเตรียมปากมดลูกและขั้นตอนการนำชิ้นส่วนออกจากโพรงมดลูก
  • การชักนำการคลอด เป็นการกระตุ้นให้เจ็บคลอดเองโดยการใช้สายสวนปัสสาวะสอดผ่านรูปากมดลูก เพื่อให้เกิดแรงตึงบริเวณปากมดลูกเล็กน้อย ส่งผลให้มีอาการเจ็บคลอดเกิดขึ้น
  • การให้กินยาเร่งคลอดเพื่อให้คลอดเองตามธรรมชาติ
  • การผ่าเอาทารกออก เป็นวิธีสุดท้ายที่จะเลือกใช้ในกรณีเร่งด่วนที่ทารกในครรภ์ตายและคุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ไม่สามารถคลอดเองได้

และสุดท้ายภายหลังยุติการตั้งครรภ์แล้วจะต้องมีการประเมินและตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะหากเจอสาเหตุที่แน่ชัด อาจจะมีวิธีการป้องกันการเกิดซ้ำในการตั้งครรภฺต่อๆไปได้

การดูแลตัวเองเมื่อเกิด DFIU

คุณแม่ที่พบกับเหตุการณ์ทารกตายในครรภ์อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างมาก จึงควรมีการดูแลในด้านของสภาพจิตใจไปพร้อมกับการดูแลร่างกาย ดังนี้

  • การเฝ้าระวังเพื่อป้องกันปัญหาทางจิตเวช เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความเครียด โดยครอบครัวอาจติดต่อคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญในการช่วยบำบัดและพูดคุยเกี่ยวกับสภาวะทางจิตใจของคุณแม่
  • คนในครอบครัวควรอยู่เคียงข้าง เข้าใจ และพูดคุยอยู่เสมอ เพื่อสังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง นอกจากนี้ ความรักและความเอาใจใส่ภายในครอบครัวยังสามารถช่วยเยียวยาสภาพจิตใจได้
  • บางคนอาจมีน้ำนมไหลออกมาจึงควรหยุดน้ำนมด้วยการรัดเต้านมด้วยผ้ารัดหน้าอกให้แน่น จากนั้นประคบหน้าอกด้วยน้ำแข็งเพื่อลดอาการปวด และอาจใช้ยายับยั้งการหลังน้ำนมอย่างโบรโมคริปทีน (Bromocriptine) ร่วมด้วย
  • เข้าพบคุณหมอตามนัดประมาณ 2-6 สัปดาห์ เพื่อติดตามอาการ และเพื่อวางแผนการมีบุตรในครั้งต่อไป

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

วิธีปฏิบัติ Death Fetus in Utero (ทารกตายในครรภ์). https://www.smmhospital.com/file/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%20DEATH%20FETUS%20IN%20UTERO%20%20%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A0.pdf. Accessed December 19, 2022

Fetal death in utero. https://radiopaedia.org/articles/fetal-death-in-utero-1. Accessed December 19, 2022

ทารกตายในครรภ์ (fetal death). https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/medical-student-5/3670/. Accessed December 19, 2022

Intrauterine Fetal Demise. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK557533/. Accessed December 19, 2022

Fetal death. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/17197601/. Accessed December 19, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

02/02/2023

เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

เมือก ใส ตั้งครรภ์ เกิดจากอะไร ผิดปกติหรือไม่

ไข่ตก เกี่ยวข้องอย่างไรกับการตั้งครรภ์


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงรัชตภา นาเวศภูติกร

สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 02/02/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา