ไวรัสตับอักเสบบี เป็นภาวะที่ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ในประเทศไทยปี พ.ศ.2561 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีประมาณร้อยละ 5 ของประชากรหรือประมาณ 3 ล้านคน ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในวัยเด็ก และหากเกิดในหญิงตั้งครรภ์ สามารถแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกได้ด้วย การเรียนรู้และศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี พาหะ และผลกระทบที่อาจเกิดกับทารกหากหญิงตั้งครรภ์เป็นโรคนี้ อาจช่วยให้สามารถรับมือกับโรคไวรัสตับอักเสบบีได้ดีขึ้น
[embed-health-tool-due-date]
ไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร
โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) คือ ภาวะที่ตับอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แม้ว่าเชื้อไวรัสนี้จะอยู่ในเลือดและของเหลวในร่างกาย แต่ตับเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจมีไวรัสอยู่ในร่างกายไปตลอดชีวิต หรือเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี และเชื้ออาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อตับได้ทุกเมื่อ
ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบีบางรายอาจไม่แสดงอาการ ทำให้ไม่ทราบว่าเป็นโรคนี้ และอาจไม่ได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม และอาจแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว ไวรัสตับอักเสบบี พาหะ อาจติดต่อสู่กันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การสัมผัสสารคัดหลั่ง หรือการให้เลือด วิธีที่จะทราบได้ว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกายหรือไม่ คือ การเข้ารับการตรวจเลือดโดยเฉพาะ
อาการที่อาจพบได้เมื่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย มีไข้ต่ำ ตัวเหลือง ตาเหลือง คลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการเหล่านี้ หรือสงสัยว่าตัวเองเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยทันที
อันตรายจากไวรัสตับอักเสบบีที่มีต่อทารก
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจไม่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์หรือการคลอดบุตร แต่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพทารก เพราะทารกอาจติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้ในระหว่างคลอด ทั้งการคลอดแบบธรรมชาติหรือการผ่าคลอดทางหน้าท้อง
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีถือเป็นอันตรายอย่างมากสำหรับทารก หากทารกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อแบบเรื้อรังตลอดชีวิตสูงถึง 90%
ในวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังจำนวน 1 ใน 4 จะเกิดปัญหาสุขภาพอย่างรุนแรง ทารกที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอาจเกิดความผิดปกติของตับ โรคตับ หรือมะเร็งตับเมื่อโตขึ้น และอาจแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
วิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีในทารกแรกเกิด
โรคไวรัสตับอักเสบบี เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจากผู้หญิงตั้งครรภ์สู่ทารกแรกเกิด อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงตั้งครรภ์อาจดูแลตนเองเพื่อป้องกันและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและทารกในครรภ์
ตรวจสุขภาพและตรวจครรภ์ตามกำหนด
ผู้หญิงที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีและกำลังตั้งครรภ์ ควรตรวจสุขภาพและตรวจครรภ์ตามกำหนด โดยคุณหมออาจตรวจสุขภาพตับ และจำนวนไวรัสในร่างกายด้วย การตรวจเหล่านี้อาจช่วยให้ทราบถึงสภาวะการเจ็บป่วย และหากจำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อไวรัสในระหว่างตั้งครรภ์ คุณหมอจะได้สั่งจ่ายยาได้อย่างเหมาะสม โดยยาฆ่าเชื้ออาจช่วยลดจำนวนไวรัสในร่างกายและช่วยลดความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี พาหะที่อาจส่งผ่านระหว่างตั้งครรภ์ได้
ฉีดวัคซีนให้ลูก
เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ทารกแรกเกิดที่คุณแม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีต้องได้รับ Hepatitis B immunoglobulin (HBIG) ภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด และรับต่อเนื่องเมื่ออายุครบ 1 เดือน 2 เดือน 4 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ ซึ่งอาจช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้มากกว่า 90% ไปตลอดชีวิต และเมื่อทารกอายุครบ 12 เดือน ต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากคุณแม่หรือไม่
อย่าเคี้ยวอาหารแล้วนำมาป้อนลูก
แม้การเคี้ยวอาหารแล้วนำมาป้อนทารกจะเป็นสิ่งที่อาจพบได้ทั่วไป แต่สำหรับคุณแม่ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเลือดของคุณแม่อาจปนเปื้อนในอาหาร หากนำอาหารที่เคี้ยวมาป้อนทารกอาจทำให้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้