เชื้อโรค แบคทีเรีย อยู่รอบๆ ตัวเรา ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน เราต้องพบเจอกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่ตลอดเวลา แต่…รู้หรือไม่ว่า แม้แต่ของใกล้ตัวที่เราใช้งานเป็นประจำ สิ่งของเล็กๆ ที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญมาก ก็สามารถเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคและแบคทีเรียจำนวนมากได้นะ แต่ของสิ่งนั้นจะมีอะไรบ้าง วันนี้ Hello คุณหมอ รวบรวมเอา 13 ของใช้ใกล้ตัวที่แฝงไปด้วยแบคทีเรีย มาฝากค่ะ
13 ของใช้ใกล้ตัวที่แฝงไปด้วยแบคทีเรีย มีอะไรบ้าง
1.ฟองน้ำล้างจาน
แม้หน้าที่หลัก ฟองน้ำล้างจานจะถูกผลิตมาเพื่อทำความสะอาดในห้องครัว โดยเฉพาะจาน ชาม ช้อน ส้อม แก้ว หรืออุปกรณ์ในครัว แต่เพราะการทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ให้สะอาดนั่นแหละ ที่ทำให้ฟองน้ำสะสมเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียเอาไว้ โดยแบคทีเรียกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ที่พบในฟองน้ำสำหรับทำความสะอาดในครัวเป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม (coliform) ที่สามารถทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ปวดท้อง ท้องร่วง ท้องเสีย
2.แปรงสีฟัน
แปรงสีฟันก็มีคุณสมบัติหลักแบบเดียวกับฟองน้ำที่ใช้ทำความสะอาดในครัว นั่นก็คือมีหน้าที่รักษาความสะอาด ซึ่งในการทำความสะอาดฟันหรือแปรงฟันแต่ละครั้ง แปรงสีฟันก็ได้สะสมเอาแบคทีเรียจากช่องปากมาสะสมไว้ที่ขนแปรงด้วยเช่นกัน โดยกว่า 65 เปอร์เซ็นต์เป็นยีสต์และเชื้อรา อีก 27 เปอร์เซ็นต์เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม (coliform) และอีก 14 เปอร์เซ็นต์เป็นแบคทีเรียในกลุ่มสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ดังนั้นก่อนจะแปรงฟัน ควรทำความสะอาดแปรงสีฟันด้วยน้ำร้อนหรือสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
3.เงิน
เงินทองเป็นของนอกกาย แต่ก็นำ แบคทีเรีย เข้ามาใกล้ตัวเราได้เหมือนกัน คิดดูว่าธนบัตรหรือเหรียญต่างๆ ผ่านการจับจ่ายใช้สอยผ่านมือใครต่อใครมาบ้าง ซึ่งก็ต้องสะสมเอาเชื้อโรคมาไว้นับร้อยนับพัน ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพผิว เช่น เป็นสิว หรือถ้าหากมือสัมผัสกับเงินที่สะสมแบคทีเรียแล้วนำมือนั้นไปสัมผัสกับอาหาร เมื่อรับประทานอาหารนั้นเข้าไปก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสียได้
4.ของเล่นสัตว์เลี้ยง
ในช่องปากของสัตว์เลี้ยงก็มีแบคทีเรียอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน ของเล่นสัตว์เลี้ยงที่ผ่านการกัด การแถะ การเลีย ย่อมสะสมไปด้วยเชื้อโรคและแบคทีเรียจากช่องปากของน้องหมาหรือน้องแมว ดังนั้น หากสัมผัสกับของเล่นของสัตว์เลี้ยง ต้องไม่ลืมที่จะล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และควรทำความสะอาดของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำด้วย
5.โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนอยู่กับเราแทบจะตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ อีกทั้งมือของเราที่ใช้เล่นสมาร์ทโฟน ก็สัมผัสกับเชื้อโรคอยู่ตลอดเวลา ทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียที่อยู่ในมือกระจายไปสู่สมาร์ทโฟน รวมถึงการไอ การจาม หรือการพูดกับหน้าจอเวลาที่วิดิโอคอล ก็อาจทำให้แบคทีเรียกระจายสู่สมาร์ทโฟนได้เช่นกัน ดังนั้นนอกจากจะต้องล้างมือเพื่อป้องกันแบคทีเรียแล้ว ก็ควรเช็ดทำความสะอาดสมาร์ทโฟนให้สะอาดด้วย เพื่อลดการสะสมของ แบคทีเรีย
6.คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์
เวลาทำงานหรือพิมพ์งานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ เราอาจรับประทานอาหารไป พิมพ์งานไป พูดไปด้วย บางครั้งก็อาจจะมีการไอหรือจามด้วย ทำให้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้รับ แบคทีเรีย ทั้งจากนิ้วมือ น้ำลาย เสมหะ และเศษอาหาร ซึ่งคีย์บอร์ดถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ใกล้ตัวที่สะสมแบคทีเรียเอาไว้ไม่น้อย แต่ด้วยรูปร่างของคีย์บอร์ดที่ยากต่อการทำความสะอาด เพราะมีขนาดเล็ก และมีมุม มีซอกเล็กๆ ที่ยากต่อการทำความสะอาด
กล่าวคือเราอาจสามารถทำความสะอาดด้วยการใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็ดล้างพื้นผิวส่วนบนของคีย์บอร์ดได้ แต่ส่วนที่ซ่อนอยู่ตามซอกของปุ่มคีย์บอร์ดแต่ละตัวอาจทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดได้หมดจด ก็เสี่ยงที่จะทำให้คีย์บอร์ดต้องสะสมแบคทีเรียเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งนอกจากเราจะต้องหมั่นทำความสะอาดคีย์บอร์ดเป็นประจำแล้ว การหาวัสดุอย่างแผ่นซิลิโคนมาครอบคีย์บอร์ดไว้ ก็อาจง่ายต่อการทำความสะอาด และลดการสะสมของแบคทีเรียในคีย์บอร์ดได้
7.เครื่องชงกาแฟ
คุณอาจดื่มด่ำกับกาแฟที่เลิศรส แต่แน่ใจหรือว่าเครื่องชงกาแฟนั้นสะอาดจริงๆ เพราะจากผลการศึกษาพบว่าในเครื่องชงกาแฟนั้นมียีสต์และเชื้อรามากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะส่วนที่กักเก็บเมล็ดกาแฟ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจึงจำเป็นที่จะต้องล้างทำความสะอาดอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟอย่างสม่ำเสมอ
8.รถเข็นในห้างสรรพสินค้า
เงินผ่านมือใครต่อใครมามากหน้าหลายตาโดยที่เราไม่รู้ รถเข็นในห้างสรรสินค้าก็ตกอยู่ในสภาพการณ์นั้นเช่นเดียวกัน เพราะผ่านการใช้งานมากตลอดทั้งวัน จึงสะสมไปด้วยแบคทีเรียจากมือแล้วมือเล่า โดยเชื้อ แบคทีเรีย ที่พบมากในรถเข็นคือแบคทีเรียในกลุ่มของอีโคไล (E. coli)
ดังนั้นเพื่อป้องกันแบคทีเรียจากรถเข็น จึงควรเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่จับรถเข็นก่อนใช้งาน หรือล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังใช้งาน และล้างมือทุกครั้งเมื่อกลับมาจากการใช้งานรถเข็นที่ห้างสรรพสินค้า
9.ผ้าสำหรับเช็ด
ผ้าสำหรับเช็ดนี้หมายรวมถึง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาดต่างๆ เพราะผ้าเหล่านี้มักจะต้องซับเอาความเปียกชื้นจากร่างกายและวัตถุต่างๆ เป็นประจำ ซึ่งความชื้นนี่แหละที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของแบคทีเรียและเชื้อรา จึงควรทำความสะอาดผ้าเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
หากเป็นไปได้ควรซักทำความสะอาดทุกสัปดาห์ และหลังการใช้งานควรตากหรือผึ่งผ้าเหล่านี้ให้แห้ง ไม่ควรพับหรือวางกองไว้ที่พื้น เพราะจะยิ่งทำให้ผ้าหมักหมมความชื้นอันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการสะสมแบคทีเรีย
10.รีโมทควบคุม
รีโมทสำหรับทีวี รีโมทแอร์ หรือรีโมทควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เป็นของใช้ใกล้ตัวที่ผ่านการหยิบจับแบบมือต่อมือ จึงเกิดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียจากฝ่ามืออยู่ตลอด และรีโมทควบคุมก็มักจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยได้รับการทำความสะอาดมากเท่าไหร่นัก จึงยิ่งทำให้สะสมแบคทีเรียเอาไว้เป็นำจนวนมาก ทางที่ดีควรทำความสะอาดแบคทีเรียด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ทุกๆ สัปดาห์
11.กระเป๋าเงิน
เงินสะสมเชื้อโรคและแบคทีเรียไว้มากเท่าไหร่ กระเป๋าเงินก็มี แบคทีเรีย มากเท่านั้น หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะได้รับแบคทีเรียจากเงินและบัตรต่างๆ โดยเฉพาะบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต ที่ต้องผ่านการใช้งานจากมือหนึ่งถึงอีกมือหนึ่ง ทำให้มีการสะสมแบคทีเรียเอาไว้ไม่น้อย ดังนั้นจึงควรเช็ดทำความสะอาดกระเป๋าเงินด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอหลังการสัมผัสกับเงิน บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และกระเป๋าเงิน
12.ปุ่มกดลิฟท์
คิดดูว่าในหนึ่งวันมีคนใช้ลิฟท์ตั้งกี่คน แล้วมีคนกดปุ่มลิฟท์วันละกี่ร้อยกี่พันครั้ง มือแล้วมือเล่า ทั้งมือที่สะอาดและไม่สะอาด จึงเป็นการทิ้งแบคทีเรียและเชื้อโรคจากมือฝากเอาไว้ที่ปุ่มกดลิฟท์อยู่ตลอดเวลา และจากผลการศึกษาพบว่า ปุ่มกดลิฟท์นี้มีการสะสมแบคทีเรียเอาไว้มากกว่าชักโครกถึง 100 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นทุกครั้งหลังสัมผัสกับปุ่มลิฟท์ควรจะต้องล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ หรือหากเป็นไปได้ควรใช้ข้อศอกหรืออุปกรณ์อื่นกดปุ่มลิฟท์แทนการใช้นิ้วมือ
13.เครื่องซักผ้า
เครื่องซักผ้าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทำความสะอาดที่สะสมเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียเอาไว้มากถึงมากที่สุด เพราะเสื้อผ้าที่นำไปเข้าเครื่องซักผ้านั้นเต็มไปด้วยคราบสกปรกจากเสื้อผ้า คราบเหงื่อไคล คราบเสมหะจากการไอหรือจาม คราบเลือด หรือแม้แต่คราบอสุจิ สิ่งเหล่านี้หมักหมมอยู่ในเครื่องซักผ้าครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นนอกจากจะทำความสะอาดเสื้อผ้าของตนเองแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำด้วยเพื่อจะได้ลดการสะสมของ แบคทีเรีย
[embed-health-tool-bmi]