พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ สามารถทำได้โดยการเลือกสิ่งที่ดีต่อร่างกายของคุณ ตลอดไปจนถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพ เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และทำให้คุณภาพชีวิตของเราดียิ่งขึ้น เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ และผลกระทบที่อาจตามมา ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการ ทำแผล ที่ควรรู้

หลายคนอาจคุ้นเคยกับขั้นตอนการ ทำแผล ตั้งแต่การหยุดเลือด ทำความสะอาดบริเวณแผลและโดยรอบ และปิดด้วยผ้าพันแผลเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการทำแผลอยู่มากมาย และนี่คือตัวอย่าง 5 ความเชื่อผิด ๆ นั้น 5 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการ ทำแผล ความเชื่อที่ 1: ควรทำให้แผลแห้งตลอด ความเชื่อนี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ๆ แม้ว่าการทำให้แผลแห้งอยู่เสมออาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วดูสมเหตุสมผล เพราะแผลมักจะแห้งเมื่อเกิดสะเก็ดแผล แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การรักษาความชุ่มชื้นของแผลจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น บาดแผลที่มีความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะมักจะมีโอกาสอักเสบน้อยกว่าและหายได้ไวกว่าแผลที่แห้ง วิธีหนึ่งที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แผลคือการทาปิโตเลียมเจล2 เพื่อช่วยเก็บรักษาความชื้นและยังช่วยเป็นเกราะป้องกันการเกิด แผลติดเชื้อ ซึ่งอาจช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นน้อยลง นอกจากนี้ คุณก็อาจทาไฮโดรเจล ซึ่งมีส่วนประกอบของวัสดุสังเคราะห์ที่ช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับบาดแผลโดยไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อของบาดแผล9 ดร. คาร์ลา อธิบายว่า "เพื่อเร่งกระบวนการสมานแผลจำเป็นต้องรักษาความชุ่มชื้นของบาดแผลเอาไว้ จะสังเกตได้ว่าแผลหายดีหากบริเวณแผลมีความชื้น ไม่มีอาการติดเชื้อ และแผลสมานตัวอย่างช้า ๆ"  อย่างไรก็ตาม หากดูเหมือนบาดแผลไม่หายดี หรือมีสัญญาณของ แผลติดเชื้อ ควรเข้ารับการรักษาจากคุณหมอในทันที ความเชื่อที่ 2: ควรใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือแอลกอฮอล์เพื่อ ทำแผล อีกหนึ่งความเชื่อผิด ๆ ที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการทำแผลคือการใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดแผล ในความเป็นจริงแล้ว การใช้สารเคมีเหล่านี้เพื่อฆ่าเชื้อเกินความจำเป็นอาจส่งผลให้แผลหายช้าลงได้ แม้ว่าแอลกอฮอล์3 และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์4 จะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูของแผล และทำให้แผลหายช้าลงได้ ทางเลือกที่ดีกว่าคือการทำความสะอาดแผลโดยใช้น้ำสะอาดและไอโอดีน5 ทั้งสองอย่างนี้มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกและฆ่าเชื้อโรค ความเชื่อที่ […]

หมวดหมู่ พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

การดูแลสุขภาพ ทำอย่างไรให้ชีวิตแข็งแรงดีทั้งกายและใจ

การดูแลสุขภาพ คือการดูแลสุขภาพกาย  สุขภาพจิต และการรักษาความสัมพันธ์กับรอบข้าง ให้แข็งแรง มีความสุข และสมดุล เพราะภาวะสุขภาพส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องงาน ครอบครัว การเงิน ความสัมพันธ์ เมื่อสุขภาพดี ชีวิตมักมีแนวโน้มที่จะดีตามไปด้วย [embed-health-tool-heart-rate] การดูแลสุขภาพ การดูแลสุขภาพกาย การดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ สามารถทำได้ดังนี้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา การเคลื่อนไหวร่างกาย นับเป็นสิ่งจำเป็นเพราะทำให้ร่างกายแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า ใน 1 สัปดาห์ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาที อาจแบ่งเป็นออกกำลังกายวันละ 30 นาที จำนวน 5 วัน หรืออาจเพิ่มเป็น 300 นาที ต่อสัปดาห์ เพื่อประโยชน์ทางสุขภาพที่มากขึ้น การออกกำลังกาย สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การขึ้นบันไดแทนลิฟต์ การเดินไปเดินมาในบ้านระหว่างใช้คอมพิวเตอร์ การทำงานบ้าน และการเดินไปยังจุดหมายใกล้ ๆ อย่างโรงอาหารหรือร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน แทนการใช้ยานพาหนะ นอกจากนั้น การเล่นกีฬาที่ชื่นชอบก็นับเป็นแรงจูงใจที่ดีเพื่อการดูแลสุขภาพกาย ทั้งวิ่ง […]


การดูแลสุขอนามัย

การล้างมือ 7 ขั้นตอน สะอาดปลอดภัย รู้ไว้ห่างไกลโรค

การล้างมือ 7 ขั้นตอน เป็นวิธีการล้างมือให้สะอาดที่สุดและสำคัญที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงในการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงป้องกันการแพร่เชื้อโรคให้ผู้อื่น โดยเฉพาะหลังการสัมผัสวัตถุต่าง ๆ เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได มือจับราวรถเมล์ ราวรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ทั้งนี้ การล้างมือ 7 ขั้นตอนยังสามารถประยุกต์ใช้กับการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ได้ และช่วยป้องกันโรคติดต่อได้หลายโรค อาทิ โรคท้องร่วง โรคหวัด  โรคโควิด-19 การล้างมือ 7 ขั้นตอน มือนับเป็นอวัยวะหลักที่นำเชื้อโรคเข้าร่างกายได้มาก เพราะหากมือสัมผัสเชื้อโรค แล้วเผลอนำเข้าปากหรือขยี้ตา อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย การล้างมือให้สะอาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการล้างมือ 7 ขั้นตอน มีดังต่อไปนี้ ฝ่ามือถูฝ่ามือ ฟอกฝ่ามือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ จากนั้นประกบฝ่ามือทั้ง 2 ข้างแล้วถูไปมาจนรู้สึกสะอาด ฝ่ามือถูหลังมือ เมื่อถูฝ่ามือเสร็จแล้ว ให้นำฝ่ามือข้างหนึ่งประกบหลังมืออีกข้างหนึ่ง ถูจนสะอาดแล้วเปลี่ยนมือ นิ้วถูซอกนิ้ว หันฝ่ามือเข้าหากัน กางออกแล้วประสานมือเข้าหากันโดยใช้นิ้วแต่ละนิ้วถูซอกนิ้วให้สะอาด ฝ่ามือขัดหลังนิ้ว กำมือข้างหนึ่ง แล้วใช้ฝ่ามืออีกข้างทำความสะอาดหลังนิ้ว ถูหัวแม่มือ ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่ง กำรอบหัวแม่มืออีกข้าง แล้วหมุนไปมา ขัดฝ่ามือด้วยปลายนิ้ว แบมือข้างหนึ่ง แล้วใช้ปลายนิ้วของมืออีกข้างขัดไป-มา […]


การปฐมพยาบาล

น้ำเกลือล้างแผล ประโยชน์และวิธีการใช้ที่ถูกต้อง

น้ำเกลือล้างแผล มีสารละลายโซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride หรือ Nacl) 0.9%  นิยมใช้ในการปฐมพยาบาล เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง เช่น หกล้ม มีแผลถลอก ของมีคมบาด นอกจากนี้ ยังอาจนำน้ำเกลือล้างแผลไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น ล้างโพรงจมูก ล้างคอนแทคเลนส์ แต่ไม่ควรใช้แช่คอนแทคเลนส์ ทั้งนี้ สามารถหาซื้อน้ำเกลือล้างแผลได้ตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อ เมื่อเปิดใช้แล้วสามารถเก็บได้นานประมาณ 1 เดือน โดยควรปิดฝาให้สนิท และเก็บให้พ้นแสง เพื่อคงประสิทธิภาพ [embed-health-tool-heart-rate] น้ำเกลือล้างแผล คืออะไร  น้ำเกลือล้างแผล (Normal saline solution หรือ NSS) คือ น้ำเกลือปราศจากเชื้อที่มีโซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride หรือ Nacl) 0.9% โดยโซเดียมคลอไรด์เป็นสารละลายไอโซโทนิก (Isotonic solution) ที่มีความเข้มข้นเท่ากับสารละลายภายในเซลล์ร่างกาย จึงทำให้ไม่แสบ ไม่ระคายเคือง และไม่ทำลายเนื้อเยื่อเหมือนตอนล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์ แต่น้ำเกลือล้างแผลก็อาจช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ไม่ดีเท่าการใช้แอลกอฮอล์ และไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ ประโยชน์ของน้ำเกลือล้างแผล  น้ำเกลือล้างแผลนิยมนำมาใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น ล้างแผล น้ำเกลืออาจช่วยชำระล้างสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอม และเชื้อแบคทีเรียออกจากแผลได้โดยไม่ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อบริเวณแผลถูกทำลาย […]


การเลิกบุหรี่

วิธีเลิกบุหรี่ และอันตรายจากการสูบบุหรี่

วิธีเลิกบุหรี่ มีทั้งวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างการเปลี่ยนมาเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีสารนิโคตินแทนการสูบบุหรี่ หรือวิธีบำบัดทางการแพทย์อย่างการใช้แผ่นแปะนิโคติน ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อการเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ และเพื่อฟื้นฟูสุขภาพและป้องกันอวัยวะตนเองก่อนถูกสารเคมีในบุหรี่ทำลาย  [embed-health-tool-bmi] โทษของการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่อาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังและภาวะรุนแรง ดังต่อไปนี้ โรคมะเร็ง บุหรี่อาจทำให้ผู้สูบเสี่ยงเป็นมะเร็งได้เกือบทุกประเภท เช่น มะเร็งริมฝีปาก มะเร็งลิ้น มะเร็งจมูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งกระเพาะอาหาร แต่ส่วนใหญ่อาจกระทบกับสุขภาพปอด และเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดได้มากกว่า โรคหัวใจและหลอดเลือด บุหรี่อาจส่งผลให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ สมอง หรืออวัยวะอื่น ๆ ได้น้อยลง ปัญหาทางเดินหายใจ บุหรี่อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ทำให้หายใจลำบาก และอาจพัฒนานำไปสู่โรคหอบหืด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ที่สูบบุหรี่อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากขึ้น 30-40 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังอาจทำให้อาการของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และโรคไตแย่ลงได้ การติดเชื้อ สารเคมีในบุหรี่อย่างสารนิโคติน ปรอท ตะกั่ว เป็นต้น อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง และมีแนวโน้มจะติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสได้ง่ายขึ้น สูญเสียการมองเห็นและการได้ยิน เนื่องจากบุหรี่อาจลดประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือด จึงส่งผลให้เลือดที่ไปหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อหูชั้นในและดวงตาน้อยลง นำไปสู่การสูญเสียการได้ยินรวมถึงการมองเห็นเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลให้ตาบอดได้ นอกจากนี้ผู้สูบบุหรี่อาจทำให้ผู้คนรอบข้างสูดดมสารเคมีจากควันบุหรี่เข้าไป ซึ่งอาจส่งผลให้เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้เดียวกัน วิธีเลิกบุหรี่  วิธีเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง  สำหรับวิธีการเลิกบุหรี่ด้วยตนเอง มีดังนี้ เคี้ยวหมากฝรั่งที่มีสารนิโคตินทดแทนการสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจนำไปสู่การสูบบุหรี่ เช่น […]


การดูแลสุขอนามัย

ถ่ายพยาธิ จำเป็นอย่างไร ทำได้วิธีใดบ้าง

ถ่ายพยาธิ เป็นวิธีหนึ่งในการกำจัดพยาธิที่อยู่ภายในร่างกาย ซึ่งสาเหตุที่ควรถ่ายพยาธิ เพราะพยาธิ คือปรสิตที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ตั้งแต่ยังเป็นไข่พยาธิ ผ่านการปนเปื้อนในอาหาร น้ำ เป็นต้น หากปรสิตอาศัยอยู่ในร่างกาย อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ พยาธิ คืออะไร พยาธิ คือปรสิตที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางปาก ทางผิวหนัง ทางสายรกในครรภ์ พบได้บ่อยในระบบทางเดินอาหารและลำไส้ และเมื่ออาศัยอยู่ในร่างกาย ก็สามารถวางไข่ ฟักตัวเพิ่มจำนวน คอยแย่งอาหาร หรือดูดเลือด จนอาจก่ออันตรายต่ออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ พยาธิสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ พยาธิตัวกลม สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่อาจปนเปื้อนไข่พยาธิ พยาธิตัวกลมที่พบบ่อย เช่น พยาธิเข็มหมุดหรือพยาธิเส้นด้าย พยาธิปากขอ พยาธิตัวแบน มักติดเชื้อจากการรับประทานอาหารดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เข้าสู่ร่างกายทางปาก และอาศัยอยู่ในลำไส้ พยาธิตัวแบนที่พบบ่อย เช่น พยาธิตัวตืด  พยาธิใบไม้ มักติดเชื้อจากการทำกิจกรรมในแหล่งน้ำจืด เช่น ว่ายน้ำ เล่นน้ำ หรือรับประทานอาหารจำพวกปลาน้ำจืดที่กึ่งสุกกึ่งดิบ พยาธิชนิดนี้สามารถอาศัยอยู่ในหลอดเลือด ลำไส้ ปอด ตับ ทำไมถึงต้อง ถ่ายพยาธิ ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิจะโดนแย่งอาหาร ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายทรุดโทรม และอาจทำให้เสียสุขภาพจิต […]


การปฐมพยาบาล

หัวโน อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษา

หัวโน คือ อาการที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม กระแทก จนเกิดการปูดนูนขึ้นมาในบริเวณนั้น ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย โดยอาการหัวโนอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยในระยะสั้น รวมถึงระยะยาวหากเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งควรหมั่นสังเกตอาการข้างเคียง และหากมีอาการใดที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติ ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัย [embed-health-tool-heart-rate] คำจำกัดความ หัวโน เกิดจากอะไร  หัวโน หมายถึง ศีรษะบริเวณที่ได้รับการกระทบกระเทือกจากอุบัติเหตุ ทำให้เกิดการปูดนูนขึ้นมา หากกระแทกไม่แรงอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย และสามารถหายได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยส่วนใหญ่หัวโนในเด็กมักเกิดจากการชนสิ่งของ เช่น เฟอร์นิเจอร์ มุมโต๊ะ รวมถึงหกล้ม ถึงแม้ว่าเด็กอาจตกลงมาไม่สูง แต่การกระแทกอาจส่งผลกระทบต่อศีรษะของเด็ก ทำให้เกิดการฟกซ้ำ หรือปวดศีรษะ    อย่างไรก็ตามหัวโนอาจส่งผลกระทบต่อศีรษะ และเนื้อเยื้อรอบศีรษะได้หากเกิดการกระแทกที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาว เช่น เลือดคั่งในสมอง พูดติดขัด  หัวโน พบได้บ่อยแค่ไหน หัวโนอาจพบเจอได้ทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนมากมักพบเจอในวัยเด็กที่ซุกซน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรระมัดระวังในการดูแล เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน อาการ อาการของหัวโน  หากหัวโนจากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรงมากนัก อาจมีอาการฟกซ้ำ เวียนศีรษะเล็กน้อย มึนงง ซึ่งอาการอาจเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่หากได้รับการกระทบกระเทือนที่รุนแรง อาจเกิดอาการเหล่านี้ได้ เช่น  ปวดศีรษะรุนแรง และเรื้อรัง  อาเจียนบ่อย จนผิดสังเกต  […]


การปฐมพยาบาล

พลัดตก หกล้ม ปฐมพยาบาลขั้นต้นอย่างไรให้สบายใจหายห่วง

อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอย่างการ พลัดตก หกล้ม สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีการเดินที่ไม่ระมัดระวัง ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการลื่น สะดุด หรือชนเข้ากับสิ่งของ ทำให้หกล้มได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อหกล้มแล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีการปฐมพยาบาลในขั้นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือความเสี่ยงต่อสุขภาพอื่น ๆ แต่การปฐมพยาบาลเมื่อหกล้มทำได้อย่างไรบ้างนั้น มาหาคำตอบได้ที่บทความนี้จาก Hello คุณหมอ เมื่อ หกล้ม ปฐมพยาบาลอย่างไร หากเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ มีการ พลัดตก หกล้มเกิดขึ้น สามารถปฐมพยาบาลได้ดังนี้ ทันทีที่พบว่ามีการ พลัดตก หกล้มให้รีบเข้าไปประคอง และดูว่าเป็นการหกล้มอย่างรุนแรง เช่น ศีรษะฟาดลงกับพื้น ได้รับบาดเจ็บที่คอ หลัง สะโพก ต้นขาหรือไม่ หากพบว่ามีบาดแผล ให้ทำความสะอาดบาดแผลทันที โดยก่อนทำความสะอาดบาดแผล ผู้ที่ทำแผลควรล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเกิดการติดเชื้อจากมือที่ไม่สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการฟกช้ำ หรือบวมอย่างรุนแรง ให้ทำการประคบเย็นหรือประคบน้ำแข็งไปที่บาดแผล หรือบริเวณที่มีการฟกช้ำ หรือบวม ในกรณีที่มีอาการปวดรุนแรง ให้รับประทานยาแก้ปวด นำผู้บาดเจ็บไปพักผ่อนและรอดูอาการ และสังเกตอาการใน 24 ชั่วโมงแรก ข้อควรระวังในการปฐมพยาบาลเมื่อ หกล้ม ก่อนลงมือทำการปฐมพยาบาล ควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ ตรวจดูบริเวณที่ได้รับการบาดเจ็บ หากเป็นการ พลัดตก หกล้มที่ไม่รุนแรงก็สามารถทำการปฐมพยาบาล และให้พักผ่อนได้ หากเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรง […]


การปฐมพยาบาล

ฝุ่นเข้าตา ระคายเคืองจนกวนใจ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างไรให้ดีขึ้น

ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ แต่ถ้าฝุ่นเข้าตาเมื่อไหร่ ดวงใจอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่น เศษผง เศษดิน เศษหิน เศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองตา จนรู้สึกรำคาญ ทำให้เสียสมาธิ หรือรบกวนการทำกิจกรรมและการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังนั้น เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองตาให้ทุเลาลง Hello คุณหมอ มีคำแนะนำดี ๆ ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อ ฝุ่นเข้าตา มาฝากค่ะ ปฐมพยาบาลเมื่อ ฝุ่นเข้าตา อย่างไรดี เมื่อ สิ่งแปลกปลอมเข้าตา สามารถปฐมพยาบาลเพื่อป้องกันการระคายเคืองตาได้ ดังนี้ ปฐมพยาบาลเมื่อฝุ่นละอองเข้าตาตนเอง หากมีฝุ่นละอองเข้าตา ก่อนที่จะเริ่มลงมือปฐมพยาบาลใด ๆ ควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เบิกตาให้กว้าง เพื่อดูว่ามีเศษฝุ่น หรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในบริเวณใดของดวงตาหรือไม่ ล้างสิ่งแปลกปลอมและสิ่งสกปรกออกจากดวงตาด้วยน้ำสะอาด โดยใช้น้ำสะอาดเทใส่แก้วขนาดเล็ก หรือแก้วสำหรับใส่น้ำยาล้างตา จากนั้นยกแก้วน้ำจ่อที่เบ้าตา แล้วลืมตาในน้ำ กรอกตาไปมาเพื่อให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมา  อีกหนึ่งวิธีคือการเปิดน้ำเบา ๆ จากฝักบัว โดยให้ฝักบัวอยู่ที่บริเวณหน้าผาก แล้วเปิดให้น้ำจากฝักบัวไหลผ่านดวงตา หรือจะสามารถใช้ขันน้ำและค่อย ๆ เทน้ำผ่านดวงตาก็ได้เช่นกัน ปฐมพยาบาลเมื่อฝุ่นละอองเข้าตาผู้อื่น ประคองให้ผู้ที่มี สิ่งแปลกปลอมเข้าตา นั่งในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ ก่อนที่จะเริ่มลงมือปฐมพยาบาลใด ๆ ควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เงยหน้าอีกฝ่ายขึ้น แล้วค่อย ๆ เบิกตาเพื่อมองหาเศษฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกที่อยู่ในดวงตา เมื่อพบสิ่งแปลกปลอมนั้นแล้ว ให้ค่อย ๆ […]


การดูแลสุขอนามัย

วิธี ทำความสะอาดสะดือ ให้ไร้กลิ่นกวนใจ

ถึงแม้ว่า สะดือ จะเป็นจุดซ้อนเร้นจุดเล็ก ๆ ที่ใครหลายคนอาจมองข้าม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ถ้าหากเราไม่ทำความสะอาด หรือปล่อยปละละเลยสะดือ ก็อาจทำให้แบคทีเรียก่อตัวสะสมจนกลายเป็นก้อนเหนียว และส่งกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ได้ วันนี้บทความของ Hello คุณหมอ จึงมีวิธี ทำความสะอาดสะดือ มาฝากให้ทุกคนลองนำไปทำตามด้วยตัวเองง่าย ๆ  เพื่อช่วยขจัดก้อนดำในสะดือ กันค่ะ [embed-health-tool-heart-rate] สาเหตุที่ทำให้ สะดือมีกลิ่นเหม็น สาเหตุที่ทำให้ สะดือ เริ่มส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ อาจเป็นไปได้ว่ามาจากสาเหตุหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ การติดเชื้อ เป็นการติดเชื้อที่เกิดจากยีสต์ที่มีชื่อว่า Candida albicans ที่เติบโตในแหล่งอับชื้นทั่วไปตามร่างกาย เช่น ขาหนีบ ใต้วงแขน รวมไปถึงในสะดือ หากคุณปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานโดยไม่มีการล้างทำความสะอาด ก็อาจสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ จนรู้สึกปวดบวมแดง มีกลิ่นเหม็น และมีหนองไหลออกมาร่วมด้วยได้ ไม่รักษาสุขอนามัย จากการศึกษาของนักวิจัยค้นพบว่า สะดือ ของมนุษย์เรามักเป็นแหล่งรวมเชื้อรา แบคทีเรียต่าง ๆ โดยเชื้อโรคเหล่านี้เกิดจากสิ่งสกปรก คราบเหงื่อ และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เข้าไปสะสมจนสร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้น ดังนั้น การทำความสะอาด รักษาสุขอนามัยภายในสะดือ จึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจำเป็นไม่ต่างจากจุดซ้อนเร้นบริเวณอื่นเช่นเดียวกัน การก่อตัวของซีสต์ กลิ่นเหม็ดในสะดือ อาจเกิดจากซีสต์ที่มีชื่อว่า Epidermoid Cysts และ […]


การปฐมพยาบาล

บรรเทาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา แบบเบื้องต้น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็ตาม มีโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้เสมอ ตั้งแต่อาการบาดเจ็บที่รุนแรงไปจนถึงอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย วันนี้ Hello คุณหมอ มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธี บรรเทาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา มาให้อ่านกันค่ะ ไปดูกันว่าเมื่อเกิด อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา จะจัดการอย่างไรได้บ้าง อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เกิดที่ส่วนใดของร่างกายบ้าง อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ที่สามารถพบได้บ่อย ได้แก่ ข้อเท้าแพลง เมื่อข้อเท้าแพลงมักจะมีอาการบวม ตึง และรู้สึกปวด เกิดรอยฟกช้ำ เมื่อร่างกายเกิดการกระแทกอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้ ศีรษะถูกกระแทก การบาดเจ็บที่ศีรษะจากการกระแทกอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว วิงเวียน หากกระแทกแรงมาก ๆ อาจส่งผลต่อสมองและสูญเสียความทรงจำ ได้รับบาดแผล เมื่อหกล้มจนผิวหนังครูดกับพื้นอาจทำให้ผิวหนังถลอกจนเกิดบาดแผลได้ ร่างกายขาดน้ำ เมื่อร่างกายสูญเสียของเหลว อย่างเหงื่อมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ จนเกิดอาการอ่อนเพลีย ความร้อนในร่างกายสูง และเป็นโรคลมแดดได้ ปวดขาหนีบ เมื่อเกิดการเสียดสีมาก ๆ บริเวณขาหนีบจะเกิดอาการปวดและบวม เอ็นร้อยหวายอีกเสบ อาการบาดเจ็บที่ข้อเข่า กระดูกหัก บรรเทาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ทำอย่างไรได้บ้าง อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดกับผู้ที่เล่นกีฬา ซึ่งมีตั้งแต่อาการเพียงเล็กน้อยไปจนถึงอาการหนัก หากประเมินแล้วว่า อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย วิธีการรักษาอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อเหล่านี้อาจช่วยบรรเทาได้เบี้องต้น พักผ่อน เมื่อร่างกายเกิดการบาดเจ็บ สิ่งแรกที่ควรทำคือ หยุดพัก การพักเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งที่ควรทำก่อนที่จะเริ่มบรรเทาด้วยวิธีอื่น ๆ ต่อไป เมื่อกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บหากขยับหรือเคลื่อนย้ายผิดวิธีอาจจะยิ่งเพิ่มความเจ็บปวด และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้น ประคบเย็น เมื่อเกิด อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา อาจทำให้บริเวณนั้นเกิดอาการปวดและบวม การประคบเย็นจึงเป็นวิธีที่จะช่วยป้องกันอาการบวมโดยลดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณนั้น ๆ ที่สำคัญอย่างวางถุงประคบเย็นลงบนผิวโดยตรงเพราะอาจทำให้ผิวถูกทำลายจากความเย็น […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม