หลายคนที่มีอาการ หน้ามืด หรือมีอาการวิงเวียนศีรษะบ่อย ๆ อย่านิ่งนอนใจนะคะ ถ้าหากปล่อยไว้เนิ่นนานจนเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับอาการหน้ามืดให้มากขึ้นกันค่ะ จะมีสาเหตุ อาการ และวิธีการป้องกันอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลยค่ะ
อาการ หน้ามืด (Faint) เกิดขึ้นได้อย่างไร
อาการ หน้ามืด (Faint) เป็นอาการสูญเสียสติอย่างฉับพลันชั่วคราว โดยมีสาเหตุมาจากการที่สมองขาดออกซิเจน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเหงื่อออก คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ ผิวเย็นชื้น เป็นต้น
ประเภทของอาการหน้ามืด (เป็นลม)
ประเภทของอาการหน้ามืด (เป็นลม) นั้น แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ที่พบได้บ่อย ดังนี้
- เป็นลมธรรมดา (Vasovagal syncope) เป็นอาการหน้ามืดที่บ่อยซึ่งเกิดจากเส้นประสาทวากัส โดยอาจเกิดจากความผิดปกติทางอารมณ์ ความเครียด การเห็นเลือดหรือยืนเป็นเวลานาน ๆ
- อาการเป็นลมที่เกิดจากการกระตุ้นคาโรติค ไซนัส (Carotid Sinus Syncope) เป็นผลมาจากหลอดเลือดในลำคอยตีบตัน มักเกิดจากการหันศีรษะไปทางใดทางหนึ่ง โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการสวมปลอกคอที่แน่นเกินไป
- เป็นลมหมดสติต่อเนื่อง (Situational syncope) อาการนี้มักเกิดขึ้นขณะไอ ปัสสาวะ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
สาเหตุของอาการหน้ามืด
อาการหน้ามืดเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ หลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้
- ความดันโลหิตลดลงกะทันหัน
- ไอรุนแรง
- ลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป
- อาการชัก
- วิงเวียนศีรษะ มีอาการบ้านหมุนฟ
- น้ำตาลในเลือดต่ำเนื่องจากเบาหวาน
- การออกแรงทางกายภาพในที่อุณหภูมิสูง
- ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาความดันโลหิตสูง ยาต้านซึมเศร้า
- อาการหายใจเร็วเกินไป
คุณควรทำอย่างไรหากรู้สึกว่าจะเป็นลม
หากคุณรู้สึกว่าจะเป็นลม ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ อาจช่วยในการป้องกันอาการหมดสติได้
- หากทำได้ให้นอนหงายและให้ยกขาให้สูงกว่าระดับศีรษะ
- ถ้านอนราบไม่ได้ให้นั่งลงและวางศีรษะไว้ระหว่างเข่า
- หากจะเป็นลมไม่ว่าอยู่ในท่านั่งหรือนอนให้รอจนกว่าอาการจะดีขึ้น แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
- กำหมัดแน่นและเกร็งแขน หรือไขว้ขา จะช่วยเพิ่มความดันโลหิตได้
- หากรู้สึกหน้ามืดที่เกิดจากการขาดอาหารให้หาอะไรรับประทาน
- หากรู้สึกว่าอาการหน้ามืดนี้เกิดจากการขาดน้ำ ให้ค่อย ๆ จิบน้ำช้า ๆ
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเจอคนเป็นลม
หากคุณพบว่าคนใกล้ตัวกำลังเป็นลม ในเบื้องต้นให้คุณกระตุ้นให้เลือดไหลไปยังศีรษะได้โดยยกเท้าผู้ป่วยให้สูงกว่าระดับหัวใจ หรือให้เขานั่งโดยให้ศีรษะอยู่ระหว่างเข่า หลังจากนั้นผู้ป่วยนอนราบหรือนั่งเป็นเวลา 10-15 นาที และอยู่ในสถานที่ที่เงียบไม่แออัดอากาศถ่ายเทสะดวก
ถ้าหากปฐมพยาบาลแล้วผู้ป่วยยังมีอาการไม่ดีขึ้น ให้ติดต่อทีมพยาบาลฉุกเฉินหรือรถพยาบาล เพื่อส่งตัวผู้ป่วยให้ถึงมือแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
[embed-health-tool-bmi]