ทารก1เดือน อยู่ในช่วงขวบปีแรก ที่ออกจากท้องของมารดามาเผชิญกับโลกภายนอก หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในท้องถึง 9 เดือน ถึงแม้ว่าทารกจะมีอายุเพียง 1 เดือน แต่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตถึงพัฒนาการและการเจริญเติบโตได้จากปฏิกิริยาการตอบสนอง เช่น การดูดนม น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น สะดุ้งตกใจเสียงรอบด้าน ซึ่่งนับว่าเป็นสัญญาณเตือนที่ดีที่บ่งบอกได้ว่า ทารกของคุณพ่อคุณแม่กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
[embed-health-tool-vaccination-tool]
พัฒนาการของ ทารก1เดือน
พัฒนาการของทารก1เดือน คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้การเปลี่ยนแปลง ดังต่อไปนี้
- พัฒนาการทางกายภาพ
ทารกอาจมีการตอบสนองตามธรรมชาติ เช่น การดูดนมแม่ด้วยตัวเอง เพียงแค่คุณแม่ช่วยเหลือเล็กน้อยด้วยการนำหัวนมใส่เข้าปากทารก ทารกอาจได้ยินเสียงที่ชัดเจนจนสามารถกางแขนกางขาเวลาสะดุ้ง นอกจากนี้ ทารกยังมีสัญชาตญาณการเดินแม้จะอายุเพียง 1 เดือน โดยคุณแม่สังเกตได้ตอนอุ้มทารกยืน เพราะขาของทารกจะพยายามยืดทรงตัว หรือเหมือนพยายามก้าวไปข้างหน้า ทารกช่วงวัยนี้อาจมีการมองเห็นได้ดีในระยะ 2 ฟุต และชอบมองวัตถุที่มีสีสันตัดกัน เช่น ขาวดำ และอาจมองตามวัตถุที่อยู่ตรงหน้าหรือตามเสียงที่ได้ยิน ทารก 1 เดือนอาจมีกระดูกบริเวณคอที่ยังไม่แข็งแรง ไม่อาจตั้งศีรษะได้ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรประคองใต้ศีรษะทารกทุกครั้งที่เมื่ออุ้มขึ้น และกระตุ้นความแข็งตัวของกระดูกทารก โดยอาจให้ทารกนอนคว่ำบนที่นอนและพูดคุยกับทารก เพื่อให้ทารกเงยหน้า ตั้งศีรษะ และหันศีรษะไปในทิศทางตามเสียงที่ได้ยิน
- พัฒนาการด้านการสื่อสาร
ทารก 1 เดือน อาจสื่อสารโดยการร้องไห้ให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับรู้ ซึ่งการร้องไห้ของทารกอาจหมายถึงความไม่สบายตัว หิว ผ้าอ้อมเปียกชื้น ปกติทารกจะร้องไห้ระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 3 ชั่วโมง/วัน และอาจหยุดร้องเมื่อคุณพ่อคุณแม่อุ้มโอ๋ แต่หากทารกร้องไห้นานเกินกว่า 3 ชั่วโมง/วันและร้องนานกว่าปกติ อาจมีอาการจุกเสียดหรือการเจ็บป่วยที่ควรพาเข้าพบคุณหมอทันที
- การรับประทานอาหาร
ทารก 1 เดือน อาจกินนมแม่วันละ 8-12 ครั้ง ทุก 2-3 ชั่วโมง คุณแม่สามารถรับรู้อาการหิวของทารกได้ด้วยการขยับศีรษะไปมาเพื่อหาเต้านม หรืออ้าปากเมื่อถูกสัมผัสบริเวณแก้มและปาก
- การนอนหลับ
ปกติทารกแรกเกิดอาจนอนหลับ 15-16 ชั่วโมง/วัน และอาจตื่นบ่อยช่วงเวลากลางคืน 2-3 สัปดาห์แรก แต่ช่วงเวลานั้นอาจไม่แน่นอน สาเหตุที่ทารกตื่นตอนกลางคืนบ่อย อาจเป็นเพราะยังไม่สามารถปรับตัวตามช่วงเวลาได้ เพื่อเป็นการปรับเวลาการนอน คุณแม่ควรทำกิจกรรมกับทารกในช่วงเวลากลางวัน เช่น การพูดคุย ใช้ของเล่นดึงดูดความสนใจ และกล่อมทารกนอนอย่างเต็มที่เมื่อถึงเวลากลางคืน
การดูแลทารก1เดือน
วิธีดูแลทารก1เดือน เพื่อสุขภาพที่ดีและช่วยกระตุ้นพัฒนาการ อาจทำได้ดังนี้
- ใช้เวลาอยู่กับทารกให้มาก ๆ พูดคุยกับทารกบ่อย ๆ หรือเปิดเพลง ร้องเพลงให้ทารกฟังทุกวันทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นขณะป้อนอาหารทารก แต่งตัวให้ทารก เพราะวิธีนี้อาจช่วยพัฒนาการด้านภาษา การจดจำ
- จัดเตรียมของเล่นสำหรับทารก1เดือน เช่น โมบายห้อย ที่มีขนาดต่างกัน มีสีตัดกัน และห้อยไว้ที่สูงระดับสายตาทารก เพื่อดึงดูดให้ทารกเอื้อมมือจับ ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการของร่างกาย สายตา
- นวดทารกให้ทารกรู้สึกผ่อนคลาย
- ไม่ควรให้ทารกนอนอยู่กับที่เป็นเวลานาน คุณแม่อาจอุ้มทารกเป็นบางเวลา และควรประคองศีรษะทารกเอาไว้
- หากเดินทางระยะไกลควรติดตั้งคาร์ซีทในรถยนต์
- ไม่ควรปล่อยทารกไว้ตามลำพัง
- ไม่ควรอุ้มทารกหรือวางสิ่งของอันตรายไว้ใกล้ทารก เช่น ของมีคม น้ำร้อน
- ไม่ควรเขย่าทารกเพราะอาจทำให้ทารกบาดเจ็บ เช่น สมองได้รับกระทบกระเทือน กระดูกคอที่เชื่อมกับหนังศีรษะอาจหักหรือผิดรูป
- โอบกอดทารก อุ้มทารกสม่ำเสมอ เพื่อให้ทารกรู้สึกสบายใจ ปลอดภัย และได้รับความรัก
- จับแขนขาของทารกอย่างเบามือ แล้วกระตุ้นด้วยการยกขึ้นหรือยกไปมาคล้ายกับการปั่นจักรยาน ครั้งละ 2-3 นาที เพื่อปรับกล้ามเนื้อให้เตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหว เช่น การคลาน การเดิน
- ล้างมือก่อนสัมผัสกับทารก และหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม
- ไม่ควรให้ทารกอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เพราะอาจเพิ่มโอกาสการเสียชีวิตกะทันหัน การติดเชื้อที่หู และโรคหอบหืด
- ควรพาทารกออกไปเดินเล่นนอกบ้านโดยใช้รถเข็นที่มีความปลอดภัย มีที่ป้องกันแสงแดด
- ปกป้องทารกจากแสงแดด แต่ไม่ควรทาครีมกันแดดให้ทารก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจหาผ้าคลุมบังแสงแดดแทน
- พาทารกเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรตาไวรัส โรคฮีโมฟิลัส (Hemophilus) ตับอักเสบบี ปอดบวม ไอกรน โรคคอตีบ บาดทะยัก
ปัญหาพัฒนาการทารก1เดือน ที่ควรเข้าพบคุณหมอ
ปัญหาทางพัฒนาการของทารก1เดือน มี ดังต่อไปนี้
- การรับประทานอาหารหรือกินนมได้ไม่ดี เช่น กินนมได้น้อยหรืออาจไม่กินเลย
- นอนมากกว่า 16 ชั่วโมง/วัน
- ไม่มีการเคลื่อนไหวของแขนและขา
- ไม่สามารถมองหรือหันศีรษะตามเสี่ยงหรือใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่และสิ่งรอบตัว
- ไม่มีการส่งสัญญาณด้วยการร้องไห้
- ร้องไห้เป็นเวลานานเกินกว่าปกติ
- ทารกไม่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดัง
- นอนหลับไม่สนิท
ปัญหาเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ทารกมีระบบการทำงานและการตอบสนองผิดปกติ หรืออาจมีพัฒนาการล่าช้า หากคุณพ่อคุณแม่มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพทารก ควรปรึกษาคุณหมอ