คุณแม่ควรทราบว่า สารอาหารสำหรับทารก มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกน้อยอย่างมาก เพราะทารกควรได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน เพื่อให้สุขภาพกาย สุขภาพจิต สมองและระบบประสาทของทารกสามารถพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)
คุณแม่ควรทราบว่า สารอาหารสำหรับทารก มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายของลูกน้อยอย่างมาก เพราะทารกควรได้รับคุณค่าทางอาหารอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน เพื่อให้สุขภาพกาย สุขภาพจิต สมองและระบบประสาทของทารกสามารถพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วง 6 เดือนแรกคือ นมแม่ เพราะมีโปรตีน ไขมัน วิตามิน สารภูมิคุ้มกัน และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ทารกต้องการ เช่น แคลเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 12 วิตามินซี วิตามินเค ซึ่งสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารกได้เป็นอย่างดี ทารกควรได้กินนมแม่ตลอดช่วง 12 เดือนแรกเป็นอย่างน้อย ยิ่งทารกได้กินนมแม่นานเท่าใด ก็จะยิ่งเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้นได้มากเท่านั้น
เมื่อเด็กอายุ 6 เดือน การดื่มน้ำนมแม่เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เด็กจึงอาจต้องกินอาหารชนิดอื่น ๆ เพิ่มด้วย โดยคุณพ่อคุณแม่อาจให้เด็กเริ่มกินอาหารแข็งที่บดละเอียดเพื่อให้กลืนได้ง่าย เช่น ซีเรียลสำหรับทารกผสมกับนมแม่เพื่อเสริมธาตุเหล็ก เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้นมชนิดอื่น นอกจากนี้ เด็กที่อายุ 6-8 เดือนสามารถเสริมอาหารที่เป็นพืชหรือแหล่งสารอาหารสำหรับทารกชนิดอื่นได้ ดังนี้
ผักและผลไม้ให้วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ กากใย และน้ำ ซึ่งเป็นสารอาหารที่จะช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งบางชนิด
อาหารประเภทธัญพืช เช่น ข้าว ซีเรียล ข้าวโพด ควินัว ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ มีพลังงาน ช่วยในการเจริญเติบโต และพัฒนาการเรียนรู้
อาหารจำพวกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เช่น ชีส โยเกิร์ต เป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียม แต่นมแม่ก็ยังมีความจำเป็น และยังคงเป็นอาหารหลักของเด็กในช่วง 12 เดือนแรกอยู่ คุณพ่อคุณแม่อาจให้ทารกกินอาหารเหล่านี้เป็นเพียงอาหารเสริมเท่านั้น แต่หากทารกเสี่ยงแพ้นมวัว แนะนำให้หลีกเลี่ยงนมวัวไปก่อนจนกว่าทารกจะมีอายุ 1 ปีขึ้นไป และควรปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับนมที่เหมาะสม
อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ ถั่ว เต้าหู้ มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต และช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและสมองของเด็ก ทั้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น เหล็ก สังกะสี วิตามินบี 12 กรดไขมันโอเมก้า 3
เด็กที่อายุเกิน 12 เดือนสามารถดื่มน้ำเปล่าธรรมดาได้ แต่เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปยังคงต้องดื่มน้ำต้มสุกเพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับเชื้อโรคที่อาจมากับน้ำ
นมแม่ คือ สารอาหารที่สำคัญที่สุดสำหรับทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน ทารกควรกินนมแม่เป็นอาหารหลักทุกมื้ออย่างต่อเนื่องจนถึงอายุ 12 เดือน และสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป อาจต้องป้อนอาหารอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารตามที่ร่างกายต้องการ
ปริมาณสารอาหารสำหรับทารกแต่ละช่วงวัย มีดังต่อไปนี้
เด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ควรได้รับอาหารเสริม เพื่อให้ได้สารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยควรปรึกษากุมารแพทย์เกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับเด็กทารกที่ไม่ได้กินนมแม่
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย
แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ
พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย