คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่า การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับกาลเทศะ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเด็กมากกว่าที่คุณคิด เวลาจะแต่งตัวให้ลูก โดยเฉพาะหากลูกของคุณกำลังอยู่ในวัยอนุบาลหรือต้องไปเนอสเซอรี่ คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย ความคล่องตัว ความปลอดภัย สุขภาพ และรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของลูกมากเป็นพิเศษ ว่าแต่ การแต่งตัวให้ลูก เมื่อลูกต้องไปโรงเรียนอนุบาล หรือไปเนอสเซอรี่ แบบไหนถึงจะเหมาะสม Hello คุณหมอ จะพาไปดูกันเลย
การแต่งตัวให้ลูก ไป โรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่
หากลูกไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบของ โรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่
เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล
ข้อแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงเวลาแต่งตัวให้ลูกก็คือ การเลือกเสื้อผ้าลูกให้เหมาะสมกับฤดูกาล หากเป็นฤดูร้อน ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าสวมใส่สบาย ระบายเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และอย่าลืมเตรียมหมวก และเสื้อคลุม ไว้ให้ลูกใส่กันแดดด้วย หากเป็นฤดูหนาว ควรเตรียมเสื้อกันหนาว กางเกงขายาว และรองเท้าที่ปิดทั้งเท้า หรือถ้าเป็นฤดูฝน อย่าลืมเตรียมเสื้อกันฝน รองเท้ากันฝน และร่มให้ลูกด้วย
เลือกเสื้อผ้าสวมใส่สบาย และเหมาะกับกาลเทศะ
เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่คับและไม่หลวมจนเกินไป จะทำให้เด็กสามารถโฟกัสกับการเรียนรู้ หรือการเล่นเพื่อเสริมทักษะได้มากขึ้น เสื้อผ้าสำหรับเด็กวัยอนุบาลควรเป็นเสื้อผ้าที่ทำความสะอาดง่าย และเด็กสามารถใส่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ควรมีของประดับตกแต่ง เช่น ลูกปัด เลื่อม ที่อาจหลุดออกมาแล้วเด็กเผลอเอาเข้าปาก และคุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงกิจกรรมในแต่ละวันที่ลูกต้องทำด้วย เช่น หากเป็นวันออกกำลังกาย ก็ควรให้ลูกใส่ชุดกางเกงที่ขยับตัวได้ง่าย ทำกิจกรรมได้คล่องตัว หากเป็นวันที่มีงานโรงเรียน ก็สามารถให้ลูกแต่งตัวเป็นทางการขึ้นได้ แต่ก็ต้องให้เหมาะสมกับรูปแบบของงาน และอย่าลืมคำนึงถึงความคล่องตัวของเด็กด้วย
เลือกเสื้อผ้าที่ใส่และถอดได้ง่าย
เด็กในวัยอนุบาลบางคนอาจยังต้องใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปอยู่ จึงต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูประหว่างวันบ่อย ๆ และบางครั้งก็อาจเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเร่งด่วนด้วย ฉะนั้น การแต่งตัวให้ลูกในวัยนี้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้เด็กสวมใส่เสื้อผ้าที่ถอดและใส่ได้ง่าย คุณครูหรือผู้ดูแลจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น และไม่ทำให้ทั้งคุณครูและเด็กต้องหัวเสียเพราะมีปัญหาชุดถอดยากใส่ยากด้วย
เลือกรองเท้าที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
เวลาเลือกรองเท้าให้ลูกใส่ไปโรงเรียนอนุบาลหรือเนอสเซอรี่ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับการทำกิจกรรมในแต่ละวันของเด็ก เช่น หากเด็กต้องเล่นกีฬา ก็ควรให้ใส่รองเท้ากีฬา เด็กจะได้ขยับตัวได้คล่องแคล่วและลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บด้วย ทางที่ดี คุณไม่ควรให้ลูกใส่รองเท้าแตะไปโรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่ แต่ควรให้เขาสวมรองเท้าที่ปิดทั้งเท้าแทน เช่น รองเท้าผ้าใบ
หากลูกต้องใส่ชุดเครื่องแบบของ โรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่
ในกรณีนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกสวมชุดเครื่องแบบโดยคำนึงถึงกฎระเบียบของโรงเรียนหรือเนอสเซอรี่ นอกจากเสื้อผ้าควรจะเหมาะสมตามข้อกำหนดแล้ว คุณก็ต้องไม่ลืมเลือกรองเท้าที่ลูกสวมใส่สบาย และทางที่ดี คุณไม่ควรให้ลูกสวมใส่เครื่องประดับอะไรไปโรงเรียน เพื่อป้องกันความเสียหาย หรือการสูญหาย
สิ่งของที่ควรให้ลูกพกติดตัวไปด้วย
เสื้อผ้าสำรอง
กิจกรรมในแต่ละวันของเด็ก เช่น การวิ่งเล่น การกินอาหาร อาจทำให้เสื้อผ้าที่ลูกใส่ออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าสกปรก หรือเปรอะเปื้อนได้ และในบางครั้ง เด็ก ๆ ก็อาจต้องเปลี่ยนชุดเพราะปัสสาวะหรืออุจจาระเล็ดจนเลอะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ได้ด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรเตรียมเสื้อผ้าสำรองไว้ให้ลูกไปเปลี่ยนตอนอยู่โรงเรียนอย่างน้อย 2 ชุด และอย่าลืมว่า เสื้อผ้าต้องเหมาะสมกับสภาพอากาศด้วย
ของเล่นที่ช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่ายขึ้น
การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่แปลกไป อาจทำให้เด็กนอนหลับได้ยากขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องเตรียมของที่ส่งผลต่อจิตใจของเด็ก และช่วยให้เขาหลับได้ง่ายขึ้นให้ลูกพกไปโรงเรียนด้วย เช่น ตุ๊กตา ผ้าเน่า หมอนข้าง แต่แนะนำว่า สิ่งของเหล่านั้นไม่ควรเป็นของที่เสียหายหรือแตกหักง่าย หรือมีค่ามากจนเสี่ยงสูญหาย
ยารักษาโรคที่จำเป็น
หากลูกของคุณจำเป็นต้องใช้ยารักษาโรคใด ๆ คุณก็ควรเตรียมยาให้ลูกพกไปโรงเรียน และอย่าลืมบอกคุณครูให้คอยดูแลให้เด็กกินยาตามกำหนดเวลาที่เหมาะสม
ขวดนม ขวดน้ำและแก้วน้ำ
หากลูกยังดื่มนมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนมแม่หรือนมผง คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมขวดนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว น้ำนมแม่ หรือนมผง และน้ำต้มสุกไปให้ลูกดื่มระหว่างอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลหรือเนอสเซอรี่ด้วย สำหรับขวดนม ควรเลือกขวดที่ลูกชอบ หรือคุ้นเคย เขาจะได้ยอมกินนมง่าย ๆ ส่วนน้ำนมแม่ หรือนมผง ก็ควรแบ่งใส่ภาชนะในปริมาณที่พอดีกับการกินนมแต่ละครั้ง คุณครูหรือผู้ดูแลจะได้สามารถชงนม หรือให้เด็กดื่มน้ำนมแม่ได้ในปริมาณที่ถูกต้อง
หากเป็นเด็กวัยหย่านม ก็อย่าลืมเตรียมขวดใส่น้ำดื่มและแก้วน้ำส่วนตัวให้ลูกพกไปด้วย ลูกจะได้ดื่มน้ำสะอาดได้ตลอดเวลาที่ต้องการ เมื่อเด็กดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะขาดน้ำ ก็จะลดลง นอกจากนี้ การให้ลูกพกขวดน้ำและแก้วน้ำส่วนตัวไปโรงเรียน ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อ หรือโรคติดเชื้อจากการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น โรคไข้หวัด โรคโควิด-19 โรคไวรัสตับอักเสบ
[embed-health-tool-vaccination-tool]