ข้อบ่งใช้
ยา เมโทคาร์บามอล ใช้สำหรับ
ยาเมโทคาร์บามอล (Methocarbamol) ใช้เพื่อรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุกหรือปวดกล้ามเนื้อ ยานี้มักจะใช้ร่วมกับการพักฟื้น การบำบัดทางกายภาพ และการรักษาอื่นๆ ยานี้ทำงานโดยช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
วิธีการใช้ยา เมโทคาร์บามอล
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติ คือ วันละ 3 ถึง 4 ครั้ง
ขนาดยาขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพและการตอบสนองต่อการรักษา อย่าเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาบ่อยเกินกว่าที่กำหนด เพราะนอกจากอาการของคุณจะไม่หายไวขึ้นแล้วยังอาจมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้น
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
การเก็บรักษายา เมโทคาร์บามอล
ยาเมโทคาร์บามอลควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยา เมโทคาร์บามอล บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาเมโทคาร์บามอลลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา เมโทคาร์บามอล
ก่อนใช้ยา เมโทคาร์บามอล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ไม่ออกฤทธิ์ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะหากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับ โรคตับ
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงซึม หรือมองเห็นไม่ชัด ดังนั้น ห้ามขับรถ ห้ามใช้เครื่องจักร และห้ามทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวหรือการมองเห็นที่ชัดเจนจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ควรจำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะ สับสน วิงเวียน หรือง่วงซึม ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้ม
ในขณะตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ปัจจุบัน ยังเป็นไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยง ในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาเมโทคาร์บามอลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา เมโทคาร์บามอล
อาจเกิดอาการง่วงซึม วิงเวียน หน้ามืด ท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้อาเจียน หรือมองเห็นไม่ชัด หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ หมดสติ หัวใจเต้นช้า ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง คลื่นไส้อาเจียนบ่อย มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ เช่น สับสน ขี้ลืม
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรง ได้แก่ ผดผื่น คันหรือบวม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณใช้ยาอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม เช่น ยาบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้โอปิออยด์ (opioid) เช่น โคเดอีน (codeine) หรือไฮโดรโคโดน (hydrocodone) แอลกอฮอล์ กัญชา ยานอนหลับหรือยาสำหรับอาการวิตกกังวล เช่นอัลปราโซแลม (alprazolam) โลราเซแพม (lorazepam) หรือโซลพิเดม (zolpidem) ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่นคาริโซโพรดอล (carisoprodol) หรือไซโคลเบนซาพรีน (cyclobenzaprine) หรือยาต้านฮีสตามีน (antihistamines) เช่นเซทิริซีน (cetirizine) หรือไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine)
โปรดตรวจสอบฉลากยาทั้งหมดของคุณ (เช่นยาแก้แพ้หรือยาแก้ไอและแก้หวัด) เนื่องจากยาเหล่านี้อาจมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม โปรดสอบถามเภสัชกรถึงวิธีการใช้ยาเหล่านี้อย่างปลอดภัย
ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจในห้องแล็บบางชนิด รวมถึงการตรวจคัดกรองปริมาณกรดวานิลลิลแมนเดลิค (VMA) หรือ5-กรดไฮดรอกซิอินโดลีเอซิติก (5-HIAA) ในปัสสาวะ และการทำให้ผลการตรวจเป็นเท็จ โปรดแจ้งให้บุคลากรในห้องแล็บและแพทย์ของคุณทุกคนทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้
ยาเมโทคาร์บามอลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ)
เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาเมโทคาร์บามอลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาเมโทคาร์บามอลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาเมโทคาร์บามอลสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการกล้ามเนื้อกระตุก
ยาชนิดรับประทาน
ขนาดยาเริ่มต้น 1500 มก. วันละสี่ครั้ง เป็นเวลา 48 ถึง 72 ชั่วโมงแรก จนถึงขนาดยาสูงสุดที่ 8 กรัม/วัน สำหรับอาการที่รุนแรง
ขนาดยาปกติ 4000 ถึง 4500 มก./วัน โดยแบ่งให้
ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ
1000 มก. ทุกๆ 8 ชั่วโมงหากจำเป็น ไม่ควรเกิน 3 กรัม/วัน เป็นเวลานานกว่า 3 วันติดต่อกัน ยกเว้นว่าจะเป็นการรักษาโรคบาดทะยัก ซึ่งอาจให้ชุดการรักษาซ้ำหลังจากเวลาผ่านไป 48 ชั่วโมงหากยังมีอาการอยู่ การรักษาโดยรับประทานยาควรเริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
สำหรับอาการที่มีความรุนแรงปานกลาง ยาชนิดรับประทานนั้นอาจจะเพียงพอแล้วหลังจากฉีดยาหนึ่งครั้ง หากผู้ป่วยสามารถทนต่อยาแบบรับประทานได้
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคบาดทะยัก (Tetanus)
1 ถึง 2 กรัม ฉีดตรงเข้าสู่หลอดเสียบเข้าหลอดเลือดดำ ตามด้วยให้ยาเพิ่มเติม 1 ถึง 2 กรัมโดยหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำ ในปริมาณโดยรวมทั้งหมดคือสูงถึง 3 กรัม ในช่วงเริ่มต้น อาจให้ยาซ้ำทุกๆ 6 ชั่วโมงจนสามารถใส่สายยางสำหรับให้อาหารได้ แล้วจึงบดเม็ดยาผสมลงในน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือที่สามารถให้ผ่านทางสายยางสำหรับให้อาหารได้ หรืออาจจำเป็นต้องใช้ยาชนิดรับประทานสูงถึง 24 กรัมต่อวัน
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ที่มีปัยหาเกี่ยวกับไต
ไม่แนะนำการใช้ยาเมโทคาร์บามอลรูปแบบฉีดสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะไตวาย (renal insufficiency) เนื่องจากความเข้มข้นสูงของโพลีเอทิลีนไกลคอล (polyethylene glycol) ในสารละลาย
คำแนะนำอื่นๆ
การเตรียมยาเมโทคาร์บามอลสำหรับฉีดนั้น ใช้สำหรับการฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อเท่านั้น
ยาเมโทคาร์บามอลสำหรับฉีดอาจให้โดยไม่ต้องเจือจางตรงเข้าสู่หลอดเลือดดำที่อัตราสูงสุด 3 มล. (300 มก.) ต่อนาที ยานี้ยังอาจเติมเข้าไปในโซเดียมคลอไรด์สำหรับฉีด (Sodium Chloride Injection) หรือเด็กโทรส 5% สำหรับฉีด (5% Dextrose Injection) สำหรับหยอดเข้าหลอดเลือดดำ
ขวดยาหนึ่งขวด สำหรับใช้หนึ่งครั้งไม่ควรเจือจางมากเกินกว่า 250 มล. สำหรับหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำ และควรระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยง ไม่ให้สารละลายรั่วซึมออกจากหลอดเลือดซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดดำอักเสบ (thrombophlebitis) ผู้ป่วยควรอยู่ในท่านอนราบขณะที่กำลังฉีดยาและนอนพักในท่าเดิมอย่างน้อย 10 ถึง 15 นาทีหลังจากฉีดยา
เมื่อให้ยาเข้าสู่กล้ามเนื้อ ไม่ควรฉีดยามากเกิน 5 มล. ในแต่ละกล้ามเนื้อกลูเตียล (gluteal)
ขนาดยาเมโทคาร์บามอลสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคบาดทะยัก
ขนาดยาเริ่มต้น 15 มก./กก./ครั้ง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ หรือ 500 มก./ตารางเมตร/ครั้ง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ อาจให้ซ้ำทุกๆ 6 ชั่วโมงหากจำเป็น
ขนาดยาสูงสุด 1.8 กรัม/ตารางเมตร/วัน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำเป็นเวลา 3 วันเท่านั้น
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
- สารละลายสำหรับฉีด
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]