โรค แพนิค เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการตื่นตระหนกหรือเป็นกังวลโดยไร้สาเหตุ หากสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรค แพนิค ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษา เพราะหากปล่อยไว้นาน อาการของโรคจะยิ่งรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในหลาย ๆ ด้าน
[embed-health-tool-bmr]
โรคแพนิคคือ อะไร
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง หากเป็นโรคนี้จะมีอาการตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลหลายครั้ง โดยปราศจากสาเหตุที่แน่ชัด ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างชัดเจน เพราะโดยปกติ อาการตื่นตระหนกหรือเป็นกังวลจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก หรือจะเกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดหรืออันตรายเท่านั้น
ทั้งนี้ โรคแพนิคเป็นโรคที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
อายุเฉลี่ยที่เริ่มพบอาการของโรคนี้ คือระหว่าง 15-19 ปี โดย 18 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ที่เป็นโรคแพนิคมักมีอาการของโรคตั้งแต่ก่อนอายุ 10 ปี
นอกจากนี้ โรคแพนิคพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
โรค แพนิค เกิดจากสาเหตุใด
ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคแพนิค แต่สันนิษฐานว่าความเสี่ยงต่อการเป็นโรคแพนิคจะสูงขึ้นในกรณีต่อไปนี้
- มีคนในครอบครัวเป็นโรควิตกกังวล หรือมีประวัติเป็นโรควิตกกังวล
- เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้ใจสลาย เช่น การสูญเสียคนที่รัก
- เป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า
- ติดสุราหรือยาเสพติด
โรค แพนิค มีอาการอย่างไร
อาการของโรคแพนิคนั้นมีหลายรูปแบบ และจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ รวมถึงอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่จะเป็นตอนขับรถ เดินเล่น ก่อนนอน ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือขณะทำธุระสำคัญ
โดยทั่วไป อาการของโรคแพนิค มีดังนี้
- หัวใจเต้นเร็ว
- เจ็บหน้าอก
- หายใจลำบาก หรือหายใจถี่
- หน้ามืด จะเป็นลม
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- วิงเวียนศีรษะ
- ปากแห้ง
- อ่อนเพลีย
- ตัวสั่น รู้สึกหนาว
- ชาบริเวณนิ้วมือ นิ้วเท้า
- คลื่นไส้
- ปวดท้อง ท้องไส้แปรปรวน
- อยากเข้าห้องน้ำ
- หวาดกลัว วิตกกังวล
เมื่อพบอาการข้างต้น ควรรีบไปพบคุณหมอ เพราะถ้าปล่อยไว้นาน อาการของโรคจะแย่ลง หรืออาจมีอาการแทรกซ้อนดังต่อไปนี้
- กลัวที่จะขับรถหรือออกจากบ้าน หรือกลัวสถานที่หรือสถานการณ์ที่อาจทำให้อาการของโรคแพนิคกำเริบ
- ไม่อยากเข้าสังคม
- เป็นโรคซึมเศร้า หรือโรคทางจิตเวชอื่น ๆ
- อยากฆ่าตัวตาย
- ติดสุราหรือใช้สารเสพติดเกินขนาด
- ไม่สามารถใช้ชีวิตในสถานศึกษาหรือที่ทำงานได้ตามปกติ
โรคแพนิครักษาได้อย่างไร
ปกติแล้ว คุณหมอจะรักษาผู้ป่วยโรคแพนิค ด้วยการบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมหรือการพูดคุยกับผู้ป่วย เพื่อเปลี่ยนความคิด พฤติกรรม หรือความรู้สึกต่ออาการของโรคแพนิค เพื่อลดความถี่ที่อาการอาจกำเริบได้ หรือเพื่อทำให้ผู้ป่วยตอบสนองต่ออาการในรูปแบบที่ดีขึ้นจากเดิม
ทั้งนี้ การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมมักพุ่งเป้าไปที่การเผชิญหน้ากับความเชื่อหรือความกลัวที่สัมพันธ์กับโรคแพนิค
นอกจากนี้ ในการรักษาโรคแพนิค คุณหมออาจจ่ายยาต่อไปนี้ให้
- ยาคลายกังวล เช่น ยาในกลุ่มเบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines) ซึ่งมีฤทธิ์รักษาและป้องกันอาการของโรคแพนิค
- ยาต้านเศร้า เช่น ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) พาร็อกซีทีน (Paroxetine) ดูล็อกซีทีน (Duloxetine) อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) ซึ่งมีคุณสมบัติลดความรุนแรงของโรคแพนิค หรือความถี่ที่อาการของโรคจะกำเริบ
- เบต้า บล็อกเกอร์ (Beta-blockers) เป็นยาสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง จะจ่ายให้ผู้ป่วยโรคแพนิคในบางครั้งเนื่องจากมีคุณสมบัติบรรเทาอาการหัวใจเต้นเร็ว ตัวสั่น และเหงื่อออกมาก
โรคแพนิค ป้องกันได้อย่างไร
ปัจจุบัน ยังไม่พบวิธีการป้องกันโรคแพนิค อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพตามคำแนะนำต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคแพนิคได้
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีน
- หาวิธีจัดการความเครียด
- พักผ่อนให้เพียงพอ