เวลาพูดถึงเรื่องของ “ความเครียด’ หลายคนก็จะมีมุมมองและความรู้สึกเกี่ยวกับความเครียดที่แตกต่างกันไป บางคนอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เลิกใส่ใจก็สิ้นเรื่อง แต่สำหรับบางคนความเครียดอาจเป็นมากกว่าเรื่องเล็กน้อยในชีวิตและจำเป็นที่จะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ บางคนเข้าใจความเครียดเป็นอย่างดี ขณะที่บางคนเข้าใจความเครียดผิดไปจากที่ควรจะเป็นอย่างมาก ดังนั้น วันนี้ Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอ ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความเครียด แก่คุณผู้อ่าน มาดูกันว่าคุณเคยเข้าใจความเครียดผิดไปยังไงบ้าง
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความเครียด มีอะไรบ้าง
- ความเครียดของทุกคนเหมือนกัน
ความเครียด ของคนเราไม่เหมือนกัน เพราะเราต่างก็ได้รับประสบการณ์ในชีวิตที่แตกต่างกัน แม้จะมีเส้นเรื่องที่คล้ายกัน แต่ก็ยังถือว่ามีปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันอยู่ดี ขณะที่บางคนเครียดเรื่องงาน แต่อีกคนกลับจัดการกับการทำงานได้ดี บางคนเครียดเรื่องอาหาร ขณะที่บางคนไม่มีปัญหากับอาหารการกิน
ทั้งนี้เพราะเราทุกคนแตกต่างกัน ทั้งความคิด ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความเข้าใจในชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันด้วย
- ความเครียดเกิดจากสถานการณ์ทำให้เครียด
แม้จะดูเหมือนเป็นเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เสียทีเดียว ความเครียด ไม่ได้เกิดจากสถานการณ์ แต่เกิดจากความคิดต่อสถานการณ์นั้นๆ ต่างหาก ที่ส่งผลให้เกิดความเครียดขึ้นมา สถานการณ์ไม่ได้สร้างความเครียดในตัวมันเอง แต่ปฏิกิริยา ความรู้สึก ความคิด และอารมณ์ของคนเราต่างหากที่เครียดไปกับสถานการณ์นั้น ๆ
- ความเครียดเป็นแรงผลักดันที่ดี
ความเครียดและแรงผลักดันเป็นคนละเรื่องกัน จะใช้เหตุผลว่าเพราะเคยเครียดมาก่อนวันนี้จึงประสบความสำเร็จได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเครียดจะลดประสิทธิภาพทั้งความรู้สึกนึกคิด พลังงานในการทำงาน เกิดความวิตกกังวล หงุดหงิด และลดศักยภาพในการทำงานลงด้วย
ดังนั้นแล้ว คนเราจึงประสบความสำเร็จด้วยแรงผลักดัน ไม่ใช่ประสบความสำเร็จเพราะความเครียด การจัดการกับความเครียดได้ดีต่างหากที่เป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้ประสบความสำเร็จ
- ความเครียดบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี
จากผลการศึกษาพบว่าความครียดมีแนวโน้ม 75-90 เปอร์เซ็นต์ ที่จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ ตั้งแต่อาการทั่วไป เช่น ปวดศีรษะ หงุดหงิด ขาดสติ ไปจนถึงอาการทางสุขภาพที่รุนแรง เช่น โรคเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล หรือปัญหาทางระบบประสาทและสมอง รวมถึงการเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตของประชากรโลกด้วย ดังนั้นแล้ว ความเครียด ไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลดี จะเครียดมากหรือเครียดน้อย ก็ส่งผลต่ออาการทางสุขภาพทั้งสิ้น
- ถ้าไม่เครียดชีวิตก็ขาดสีสัน
เมื่อตอนที่เป็นเด็ก หรือมองย้อนไปในวัยเด็ก เด็กก็ไม่ได้มี ความเครียด ในชีวิตมากมายเท่าไหร่นัก ดังนั้น เด็กจึงมีพลังงานอยู่ตลอดเวลา สนใจใคร่รู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอยู่เสมอ นั่นเพราะเด็กไม่มีความเครียดมาเป็นอุปสรรคของการเรียนรู้ ขณะที่วัยผู้ใหญ่ที่ในแต่ละวันรายล้อมไปด้วยความเครียด จนไม่เหลือเวลาได้ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจหรือต้องการจะทำ
ด้วยเหตุนี้ความเครียดจึงไม่ใช่เหตุผลของการขาดสีสันในชีวิตอย่างแน่นอน ความมีสีสันของชีวิต คือ การที่ได้ทำสิ่งต่าง ๆ ตามใจปรารถนา โดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางต่างหาก
- วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการความเครียดคือ ออกกำลังกาย และการพักผ่อน
วิธีเหล่านี้ เป็นหนึ่งในวิธีบรรเทาความเครียดเท่านั้น เพราะตราบใดที่ต้นตอสาเหตุของความเครียดยังไม่ได้หายไป ความเครียดก็ยังจะกลับมาได้อีก เพราะฉะนั้นต่อให้ออกกำลังกายทุกวัน แต่ถ้าปัญหาในชีวิตยังไม่ได้รับการแก้ไข การออกกำลังกายก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้ดังที่หวัง
- ความเครียดไม่ใช่เรื่องใหญ่
นี่เป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์ เพราะ ความเครียด สามารถส่งผลต่อชีวิตของคนๆ หนึ่ง ได้มากกว่าความรู้สึกไม่สบายใจ บางคนต้องเก็บงำความเครียดนั้นเป็นปีหรือหลายสิบปี จนกระทั่งต้องมีปัญหาสุขภาพจิต เสียโอกาสในชีวิตต่าง ๆ หรืออาจเครียดหนักจนมีผลต่อสุขภาพ ทั้งโรคซึมเศร้า อาการวิตกกังวล โรคหัวใจ หรือปัญหาทางสมอง ดังนั้นแล้ว ความเครียดสำหรับคน ๆ หนึ่ง ที่ยังหาทางออกของปัญหาไม่ได้ จึงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
- ถ้าไม่มีอาการก็ไม่ถือว่าเครียด
แค่ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเครียด บางคนอาจต้องรับประทานยาเพื่อที่จะได้สามารถระงับและควบคุมตนเองได้ หรือยังอยู่ในจุดที่ควบคุมตนเองได้ ทั้งนี้เพราะ ความเครียด ส่งผลกระทบทั้งด้านสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ
แม้ส่วนใหญ่จะถูกมองว่าความเครียดมีผลแค่สภาพจิตใจเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วความเครียดมีผลแสดงออกทางร่างกายได้เหมือนกัน เช่น วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หายใจไม่ออก การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก ปัญหาด้านการนอนหลับพักผ่อน โรคระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น
- ความเครียดไม่สามารถรักษาได้
ที่จริงแล้ว ความเครียด สามารถรักษาได้ แม้แต่คนที่มีปัญหาความเครียดเรื้อรัง ก็สามารถที่จะรักษาได้ เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลา ต้องมีการจัดการกับต้นตอของปัญหา หรือบางคนอาจรักษาหายได้โดยการรับประทานยา การพบกับคุณหมอหรือการบำบัดกับจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ดังนั้น ความเครียดจึงสามารถรักษาให้หายได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการที่เหมาะสมซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล เพราะทุกคนไม่ได้มีความเครียดในเรื่องเดียวกัน
- ความเครียดแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการมองข้าม