โรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot) หรือโรคฮ่องกงฟุต (Hong Kong foot) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อราซึ่งพบได้บ่อยเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน หรือหากต้องอยู่ในพื้นที่เปียกชื้น โรคนี้ถือเป็นโรคติดต่อ สามารถติดต่อจากการสัมผัสผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อ หรือสัมผัสกับสะเก็ดผิวหนังที่ติดอยู่ตามรองเท้า ผ้าเช็ดตัว พื้น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การรักษาสุขอนามัยให้ดีอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคนี้ได้
[embed-health-tool-heart-rate]
โรคน้ำกัดเท้า คืออะไร
โรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot) หรือเรียกอีกอย่างว่า โรคฮ่องกงฟุต (Hong Kong foot) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อรา พบมากในสภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะและอบอ้าว เช่น ห้องอาบน้ำ สระว่ายน้ำ บริเวณที่มีน้ำท่วมขัง อาการของโรคน้ำกัดเท้าที่พบบ่อย อาจมีดังนี้
- รู้สึกคัน ระคายเคือง แสบ ที่ฝ่าเท้าหรือง่ามเท้า
- มีแผลขนาดเล็กที่ทำให้คัน
- ผิวหนังบริเวณเท้าแห้งแตก
- เล็บเท้าเปราะบาง เล็บเปลี่ยนสี
- เท้ามีกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์
ปัจจัยเสี่ยงโรคน้ำกัดเท้า
แม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือชื้นแฉะ แต่หากมีภาวะต่อไปนี้ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคน้ำกัดเท้าได้เช่นกัน
- เป็นโรคเบาหวาน
- มีเชื้อราที่เล็บ
- สวมถุงเท้าหรือรองเท้าที่คับหรือรัดจนเท้าอับชื้น และเสี่ยงเกิดเชื้อรา
- ไม่ทำความสะอาดรองเท้าบ่อย ๆ ทำให้มีคราบเหงื่อและคราบสกปรกสะสมในรองเท้า จนอาจทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้
วิธีรับมือกับโรคน้ำกัดเท้า
ผู้ที่มีอาการที่เป็นสัญญาณของโรคน้ำกัดเท้า ควรเข้ารับการรักษาโดยเร็ว เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยทั่วไปแล้ว คุณหมออาจสั่งจ่ายยาต้านเชื้อราให้ใช้ และแนะนำให้หยุดเกา หรือสัมผัสผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ อีกทั้งยังอาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโต และโรคน้ำกัดเท้ารุนแรงขึ้น
- สวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี และพอดีเท้า ไม่คับแน่นเกินไป
- เปลี่ยนรองเท้า หรือทำความสะอาดรองเท้าเพื่อกำจัดเชื้อราสะสม
- หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าหรือถุงเท้าร่วมกับผู้อื่น เพราะอาจทำให้เชื้อราแพร่กระจายได้
- หลังอาบน้ำ ล้างทำความสะอาดเท้า หรือเท้าเปียกน้ำ ควรเช็ดเท้าให้แห้งเสมอ อย่าปล่อยให้เปียกชื้น โดยเฉพาะบริเวณง่ามเท้า