หลังกินยาคุมฉุกเฉิน จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยวิธีสังเกตอาจเริ่มจากสำรวจตนเองว่ากินยาคุมฉุกเฉินถูกวิธีหรือไม่ นอกจากนี้ ภาวะสุขภาพบางประการ เช่น อาเจียน ท้องเสีย รวมถึงยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคลมชัก ยารักษาเอชไอวี ยารักษาวัณโรค ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินลดลงได้ หากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน แล้วกินยาคุมฉุกเฉิน เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง หากสังเกตพบว่าตนเองมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม ประจำเดือนขาด ปัสสาวะบ่อย เหนื่อยล้ามาก ควรตรวจการตั้งท้อง เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการตั้งท้องได้เช่นกัน
[embed-health-tool-ovulation]
หลังกินยาคุมฉุกเฉิน จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง
หลังกินยาคุมฉุกเฉิน จะรู้ได้ไงว่าไม่ท้อง อาจสังเกตได้จากวิธีการกินยาคุมฉุกเฉินว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งการกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธีอาจสามารถป้องกันการตั้งท้องได้ประมาณ 75-85% โดยฮอร์โมนในยาคุมฉุกเฉินจะเข้าไปช่วยชะลอหรือหยุดการตกไข่ เพิ่มมูกบริเวณปากมดลูกและทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ส่งผลให้อสุจิเข้ามาผสมกับไข่ได้ยากขึ้น และไข่ไม่สามารถฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูกได้ตามปกติ
กินยาคุมฉุกเฉินท้องได้หรือไม่
การกินยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการตั้งท้องได้ 100% โดยเฉพาะหากกินยาคุมฉุกเฉินช้าหรือกินไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้เกิดการตั้งท้องได้เช่นกัน นอกจากนี้ การกินยาคุมฉุกเฉินยังอาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว ปวดท้องน้อย มีเลือดออกเล็กน้อย รอบประจำเดือนอาจเปลี่ยนแปลงโดยอาจมาช้าหรือมาเร็วขึ้นกว่าปกติ และในบางกรณีภาวะสุขภาพบางประการอาจลดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินได้ ดังนี้
- มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียอย่างรุนแรง ผู้ที่มีอาการอาเจียนหรือท้องเสียนานกว่า 48 ชั่วโมง อาจทำให้ประสิทธิภาพยาคุมฉุกเฉินลดลง เนื่องจากยาคุมอาจถูกขับออกจากร่างกายโดยอาการที่เกิดขึ้น
- ผู้ที่ใช้ยาในการรักษาโรค เช่น ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) ไรฟาบูติน (Rifabutin) โอเมพราโซล (Omeprazole) ยารักษาโรคลมชัก ยารักษาเชื้อเอชไอวี ยารักษาวัณโรค ยาละลายลิ่มเลือด ยาเบาหวาน ยานอนหลับกลุ่มฺบาร์บิทูเรต (Barbiturates) ยารักษาเชื้อรากริซีโอฟูลวิน (Griseofulvin) ยารักษาสิว Retinoic acid derivetives ยาเหล่านี้อาจทำให้ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ของยาคุมฉุกเฉินลดลงได้
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเหตุใดประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินจึงลดลงในคนกลุ่มนี้ จึงควรได้รับการสั่งจ่ายยาคุมฉุกเฉินจากคุณหมอเพื่อควบคุมขนาดยาในการคุมกำเนิดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ การกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยเกินไปหรือมากกว่า 2 ครั้ง (4 เม็ด) ในรอบเดือนเดียว อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์หรืออาจทำให้การสร้างฮอร์โมนเกิดความผิดปกติได้
สัญญาณของการตั้งท้อง
หลังกินยาคุมฉุกเฉิน หากเกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังตั้งท้อง เช่น
- ประจำเดือนขาด หากพบว่าประจำเดือนมาช้าไป 1 สัปดาห์ ควรตรวจการตั้งท้องทันที
- เต้านมบวม คัดตึงเต้านม เจ็บปวดเต้านม เป็นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งท้อง ส่งผลให้เต้านมไวต่อความรู้สึกมากขึ้น
- คลื่นไส้อาเจียน เป็นอาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อย โดยผู้หญิงอาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน เมื่อได้กลิ่นหรือกินอาหารบางชนิด
- ปัสสาวะเพิ่มขึ้นและบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายอาจมีปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งท้อง ทำให้ไตทำงานหนักขึ้นเพื่อขับของเหลวออกทางปัสสาวะ
- ความเหนื่อยล้า การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและอาการแพ้ท้องอื่น ๆ อาจทำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งท้องมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลียและง่วงนอนมากขึ้น
- อาการอื่น ๆ ของการตั้งครรภ์ เช่น อารมณ์แปรปรวน เบื่ออาหาร ปวดท้องน้อย มีเลือดออกจากช่องคลอด ตกขาวมากชึ้น
วิธีกินยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการตั้งท้อง
ยาคุมฉุกเฉินในปัจจุบันมีทั้งแบบ 2 เม็ด และ 1 เม็ด ซึ่งมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเหมือนกัน โดยวิธีกินยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการตั้งท้อง ควรกินยาทันทีหลังการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือไม่ควรเกิน 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง โดยวิธีการกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง อาจทำได้ดังนี้
- ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด มีขนาดยาเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม กินเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่เกิน 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง และเว้นไปอีก 12 ชั่วโมง จึงกินเม็ดที่ 2 ได้ทันที หรืออาจกินพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด หลังมีเพศสัมพันธ์ก็มีประสิทธิภาพเท่ากัน
- ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด มีขนาดยาเม็ดละ 1.5 มิลลิกรัม กิน 1 เม็ดทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือไม่เกิน 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง