HIV โรคเอดส์ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย การเข้าใจความแตกต่างของปัญหาสุขภาพทั้งสองอย่างนี้ อาจช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับ HIV และโรคเอดส์สามารถรับมือได้ดีขึ้น ดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธีมากขึ้น
[embed-health-tool-bmr]
HIV โรคเอดส์ เหมือนหรือแตกต่างกัน
ความแตกต่างระหว่างการติดเชื้อ HIV และ โรคเอดส์ ไว้ดังนี้
- การติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus; HIV) คือการติดเชื้อไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการเข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์จนทำให้ร่างกายอ่อนแอ และไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ได้ เมื่อได้รับเชื้อในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการ ผู้ป่วยอาจอยู่ร่วมกับเชื้อชนิดนี้ได้ แต่หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะโรคเอดส์ได้
- โรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome; AIDS) คือภาวะของโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไอวีและไม่ได้รับการรักษาจนนำไปสู่ระยะท้ายของโรคซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงขึ้น
โดยในปัจจุบันได้มีการหลีกเลี่ยงในการเรียกผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยเอดส์ หรือ ผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ แต่จะใช้คำเรียกว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวีแทน อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ประมาณ 80-90% ที่มีการติดเชื้อเอชไอวี จะไม่มีอาการป่วย เนื่องจากได้รับการรักษา ได้รับยาต้านไวรัส และเรียก ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ว่า “ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี” (People living with HIV)
เอชไอวี (HIV) แบ่งออกเป็นกี่ระยะ
อาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวี แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังต่อไปนี้
- ระยะที่ 1 (ระยะติดเชื้อเริ่มต้น)
คือระยะที่ผู้ป่วยเริ่มต้นติดเชื้อไวรัสใหม่ ๆ โดยอาการจะแสดงออกภายใน 1-2 อาทิตย์ หลังได้รับเชื้อไวรัส มักมีอาการคล้ายไข้หวัด มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต จากนั้นอาการป่วยจะหายไปเอง เนื่องจากตัวเชื้อไวรัสกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ระยะที่ 2 (ระยะติดเชื้อเรื้อรัง)
ระยะที่ 2 นี้ เชื้อไวรัสจะเริ่มทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันมากขึ้น ในบางรายอาจแสดงอาการป่วยขึ้นมา เช่น มีผื่น เชื้อราในช่องปาก เริม งูสวัด ซึ่งอาการเหล่านี้จะเส่งผลให้ผู้ป่วยเข้ามารับการตรวจวินิจฉัยโรค จึงทำให้ทราบว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี หากไม่ได้รับการรักษาในระยะนี้ อาจนำไปสู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะลุกลาม หรือที่เรียกว่า ระยะโรคเอดส์
- ระยะที่ 3 ระยะโรคเอดส์ (AIDS)
ระยะที่ 3 นี้ คือเข้าสู่ระยะเอดส์ เป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการติดเชื้อเอชไอวีจะมีอาการแสดงรุนแรงชัดเจน ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic Infection) เช่น การติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีการติดเชื้อในปอด การติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
HIV โรคเอดส์ แตกต่างกันอย่างไร
่จากข้อมูลข้างต้น สรุปได้ว่าเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) คือชื่อของเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์ชนิดหนึ่ง หากติดเชื้อ HIV เป็นเวลานานและไม่ได้รับการรักษารวมทั้งไม่ได้รับยาต้านไวรัส อาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มในร่างกายบกพร่อง ไม่สามารถต่อต้านเชื้อฉวยโอกาสได้ จนเข้าสู่ระยะโรคเอดส์ (AIDS) ได้ในที่สุด