ถุงยางแตก อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างมีเพศสัมพันธ์แต่เป็นไปได้น้อยมาก โดยปกติแล้วการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเป็นการคุมกำเนิดสำหรับคู่รักที่ยังไม่พร้อม แต่ในขณะเดียวกันหากคู่รักนั้นใช้ถุงยางอนามัยผิดวิธี ก็อาจเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาอย่าง ถุงยางแตก ถุงยางฉีกขาด ตามมาได้
[embed-health-tool-ovulation]
สาเหตุหลักที่อาจทำให้ถุงยางแตก
ถุงยางแตก หรือ ถุงยางฉีกขาด ขณะมีเพศสัมพันธ์ ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก โดยปกติ โอกาสที่ถุงยางอาจแตกได้นั้นอยู่ที่ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคู่รักที่ใช้ถุงยางอนามัยเป็นประจำ และสำหรับผู้ที่ใช้ถุงยากอนามัยเป็นครั้งแรก โอกาสที่ถุงยางจะเกิดการฉีกขาดหรือแตกอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ มักเกิดจากพฤติกรรมบางอย่างที่เผลอกระทำโดยไม่รู้ตัว หรือเพิกเฉยถึงข้อควรระวังการใช้ โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นปัญหาถุงยางแตกมักมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- เลือกใช้ถุงยางอนามัยผิดขนาด
- แกะบรรจุภัณฑ์ของถุงยางที่ผิดวิธี หรือใช้ของมีคม
- ใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุแล้ว
- ผู้ใช้ไม่รู้วิธีใช้ถุงยางหรือสวมใส่ถุงยางอย่างถูกต้อง
- มีการเก็บรักษาถุงยางอนามัยที่ไม่เหมาะสม เช่น เก็บในที่ที่โดนแสงแดด
- ใช้ถุงยางอนามัยแบบไม่มีสารหล่อลื่น
วิธีการเลือก และรักษาคุณภาพป้องกัน ถุงยางฉีกขาด
โดยปกติแล้ว หากใช้ถุงยางอนามัยอย่างเหมาะสมและถูกวิธี อัตราการป้องกันโรคติดต่อและการป้องกันการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่ไม่พร้อมนั้น จะอยู่ที่ 97 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ และโดยเฉพาะคู่รักที่ยังไม่พร้อมมีบุตร จึงควรศึกษาถึงวิธีการใช้ถุงยางอนามัยเบื้องต้นจากฉลากข้างกล่องผลิตภัณฑ์ให้ละเอียด และควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ดังต่อไปนี้
- ซื้อถุงยางที่มีขนาดเหมาะสมกับอวัยวะเพศในช่วงแข็งตัว
- เก็บรักษาถุงยางอนามัยในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ควรเก็บไว้ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37 หรือน้อยกว่า 3 องศาเซลเซียส
- เก็บถุงยางอนามัยให้พ้นจากแสงแดด
- ก่อนการซื้อควรมีการตรวจสอบ และเช็กวันหมดอายุทุกครั้งก่อนซื้อถุงยางอนามัยมาใช้ รวมทั้งกรณีของถุงยางอนามัยที่ซื้อไปแล้วเกิดหมดอายุให้ทิ้งในทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ
- ไม่ควรใช้อุปกรณ์มีคมในการตัดซองถุงยางอนามัย เพราะอาจเกิดการผิดพลาดไปโดนผิวของถุงยางทำให้ ถุงยางฉีกขาด ก่อนนำมาใช้ได้
- ไม่ควรใส่ถุงยางอนามัยซ้อนกัน เพราะอาจก่อให้เกิด ถุงยางฉีกขาด ได้โดยไม่รู้ตัว
ถุงยางแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรทำอย่างไร
กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างถุงยางแตก หรือ ถุงยางฉีกขาด ในระหว่างที่กำลังมีเพศสัมพันธ์ สิ่งแรกที่ควรทำนั่นก็คือการรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง เพราะยาคุมฉุกเฉินนั้นมีฮอร์โมนปริมาณสูงที่สามารถเข้าไปช่วยชะลอการตกไข่ไม่ให้เกิดสภาวะไข่ตกก่อนที่สเปิร์มหรือตัวอสุจินั้นจะเข้าไปปฏิสนธิฝังตัวในมดลูก
นอกจากรับประทายยาคุมฉุกเฉินแล้ว ควรทำการทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วย โดยการใช้ชุดตรวจครรภ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายยา เพื่อเพิ่มความมั่นใจอีกครั้ง โดยอาจเริ่มต้นการตรวจได้ประมาณ 1-2 อาทิตย์ หลังจากรับประทานยาคุมหรือมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นให้รอประจำเดือนมาตามปกติ
แต่ถ้าหากมีข้อกังวล หรือมีสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าอาจกำลังเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์ เช่น อาเจียน คัดเต้านม รอบเดือนมาไม่ปกติ ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด หรือปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที เพื่อผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ